April 03, 2018 15:11
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
กรณีมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด หรือเลือดสดเคลือบอุจจาระในปริมาณไม่มาก ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงโรคของลำไส้ใหญ่ หรือโรคบริเวณทวารหนักมากที่สุด เช่น โรคริดสีดวง ก็มีโอกาสถ่ายเป็นเลือดได้ แม้ท้องไม่ผูก ลักษณะเป็นเลือดสดตามหลังการถ่ายอุจจาระ อาจจะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือถ้ามีแผลขอบรูทวารหนักอาจะจ็บได้ค่ะ เนื่องจากอุจจาระแข็งก็สามารถขูดให้เลือดไหลได้ค่ะ ส่วนอีกโรคที่มักพบได้บ่อยๆคือ มีแผลบริเวณรูทวาร ซึ่งเกิดจากอุจจาระแข็ง หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จะทำให้เกิดแผลบริเวณรูทวาร และทำให้มีอาการถ่ายเป็นเลือดสดและเจ็บบริเวณรูทวารได้คะ นอกจากโรคกลุ่มนี้ก็จะมีตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งลำไส้ แต่โรคกลุ่มนี้มักจะไม่เจ็บแสบทวารมักมาด้วย ปวดเบ่งเหมือนถ่ายไม่สุดตลอดเวลา ถ่ายเป็นเลือดเป็นมูกตลอดเวลา กินไม่ได้ น้ำหนักลด ท้องผูกสลับท้องเสียมีคนในบ้านเป็นมะเร็งเป็นต้น หากไม่มีอาการเหล่านี้โอกาสที่จะเป็นมะเร็งก็น้อยลง
เบื้องต้นคิดว่า คนไข้น่าจะมีสองอย่างรวมกันค่ะ คือ มีทั้งท้องผูกและแผลขอบรูทวารหนักค่ะ วิธีการแก้ไข คือ 1. รักษาอาการท้องผุก ได้แก่ ทานอาหารที่่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ 2. ยาระบาย เช่น MOM , fiber เช่น senokot ต่างๆ อาจต้องใช้เป็นประจำสัก 1-2 สัปดาห์เพื่อให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น ลดการบาดรูทวารค่ะ 3. ยาลดอาการปวดรูทวาร เช่น ไนโตรกลีเซอริน ก็ช่วยได้ค่ะ 4. ยา steroid เช่น proctocedyl ช่วยลดอาการอักเสบของรูทวาร ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ค่ะ
หากเป็นนาน รักษาเบื้องต้นด้วยการปรับวิถีชีวิตประจำวันแล้วไม่ดีขึ้น อาจเกิดจากหูรูดรูทวารแน่นเกินไป สามารถปรึกษาคุณหมอศัลยกรรมเพื่อประเมินอีกครั้งค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถ่ายออกเป็นเลือดสีเเดงมีลิ่มเลือด ถ่าย1-2ครั้งต่อสัปดาห์ เจ็บถวารทุกครั้งที่ถ่าย ถ่ายก้อนเล็กมีนิสัย ไม่ออกกำลังกาย ไม่กินผักเเต่ทานผลไม้บ้าง อั้นอุจจาระบ่อยเเละนอนดึกมาก เเบบนี้เป็นท้องผูกหรือเปล่าคะ?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)