สอบถามหน่อยค่ะ หนูมีประจำเดือนช่วงวันที่ 28 กพ. วันที่ 21 มีค. มีอะไรกับแฟน หลังจากนั้น 6 วัน มีเลือดสีชมพู เปื้อนกางเกงในประมาณ 1-2 หยด แต่ตรวจตั้งครรภ์ขึ้นแค่ขีดเดียว จนตอนนี้ 2 เมย.ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ แลเก็ตรวจไม่เจอเหมือนกันค่ะ อยากทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ที่มีอาการเลือดออกจากช่องคลอด และมีโอกาสมีลูกไหมคะ หรือเป็นสภาวะแทรกซ้อนอื่นคะ

สวัสดีครับ
อาการมีเลือดออกในช่วงระหว่างรอบเดือนนั่นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- เป็นเลือดที่ออกมาในวันที่มีการตกไข่
- เลือดที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนกับเยื่อบุโพรงมดลูกในกรณีที่มีการตั้งครรภ์
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
เป็นต้น

ในกรณีที่ต้องการทราบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ หมอก็แนะนำว่าควรตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ซึ่งในกรณีนี้ที่ได้มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม การตรวจการตั้งครรภ์ในตอนนี้จึงยังเร็วเกินไปและอาจให้ผลตรวจที่ผิดพลาดได้ง่ายครับ หมอแนะนำว่าในตอนนี้ควรรอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อน และถ้าหากประจำเดือนยังไม่มาก็สามารถเริ่มตรวจการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่เช้าของวันที่ 4 เมษายนเป็นต้นไปครับ

ส่วนอาการเลือดออกผิดปกตินั้น ถ้าหากเลือดออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการในลักษณะนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินหาสาเหตุเพิ่มเติมด้วยครับ