August 01, 2019 14:02
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ ถ้าเป็นภูมิแพ้จมูกคือ มีอาการ คันจมูก น้ำมูกไหล หรือมีอาการคันตา ตาแดง เมื่อสัมผัสสิ่งที่แผลต่างๆ เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น เกษรดอกไม้ อาการเย็น ขนสัตว์ เป็นต้นครับ ซึ่งการรักษาคือ
1.แนะนำยาพ่นจมูก ที่เป็นสเตียรอยด์
2.แนะนำล้างจมูก
3.แนะนำให้กินยาแก้แพ้ เป็นต้นครับ
ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้ลองไปตรวจกับ แพทย์หูคอจมูกครับ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดครับ
แต่การที่เป็นภูมิแพ้ ไม่ควรที่จะเจ็บคอกับปวดศีรษะครับ
การทีมีน้ำมูก ไอ จาม ปวดศีรษะ เจ็บคอ อาจจะเกิดจากการที่ร่างกาย เจ็บป่วย ไม่สบาย และเป็นอาการนำของไข้ต่างๆได้ครับ เช่น ไข้หวัด
แต่การที่ปวดศีรษะมาก ตาบวม ตาแดง และถ้ามองภาพไม่ชัดร่วมด้วย แล้วคลื่นไส้ อาเจียน อาจจะเป็นอาการของต้อหินเฉียบพลันได้ครับ
สำหรับต้อหินแนะนำให้ไปพบจุกษุแพทย์เพื่อตรวจยืนยันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัวดีครับ
อาจเกิดจากไซนัสอักเสบได้ เนืองจากมีความเสี่ยง คือ การเป็นภูมิแพ้จมูกและการยังคงสัมผัสสิ่งที่สงสัยว่าแพ้ครับ
สำหรับไซนัสอักเสบ เป็นการอักเสบติดเชื้อ ของ ไซนัสที่อยู่บริเวณใบหน้าครับอาจเกิดจาก แบคทีเรีย ไวรัส หรือ เชื้อราก็ได้
สาเหตุอาจเกิดจาก การระบายน้ำมูกได้ไม่ดี ซึ่งอาจเกิดจาก โครงสร้างในจมูกไม่ดี เช่น การมีริดสีดวง จมูก มากั้นทางเดินน้ำมูก , การเป็นภูมิแพ้ที่รักษาไม่ดี , ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่ดี, การเป็นหวัดนานๆ เป็นต้นค่ะ อาการคือ จะมีการได้กลิ่นลดลง คัดจมูก บางคนอาจมีไข้ หายใจมีกลิ่นเหม็น น้ำมูกเขียวข้นเหม็นค่ะ บางคนอาจมีเจ็บที่หน้า ตรงที่เป็นไซนัสอักเสบได้
การรักษา คือ กรให้ยาฆ่าเชื้อ 7 วันขึ้นไป ร่วมกับให้ยาบรรเทาปวด และการหมั่นล้างจมูกบ่อยๆครับ
แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ
โรคภูมิแพ้ จมูก จะมีอาการคือ คันหู คันตา คันจมูก บางคนมีอาการจามบ่อยๆ คัดจมูกเป็นต้น
>>ซึ่งอาการ มีตั้งแต่เล็กน้อย คือ ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน ไปจนถึง อาการที่มากปานกลางและรุนแรง คือ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น คัดจมูกมาก ไม่มีสมาธิในการทำงาน นอนไม่หลับ เป็นต้น
>>และอาการ ก็จะแบ่งตามการช่วงเวลาเป็นได้อีกสองแบบคือ เป็นๆหายๆ( น้อยว่า 4 วันต่อสัปดาห์ติดกันน้อยกว่า 4 สัปดาห์) กับอาการเป็นตลอด (มากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ มากกว่า 4สัปดาห์ติดกัน) ซึ่งที่ต้องแบ่งแบบนี้ เนื่องจากการรักษาแตกต่างกันครับ
>>การประเมินเพิ่มเติม เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้จมูกที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การ ตรวจผิวหนัง (SPT) ว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้แบบไหน เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรดอกไม้ แมว เป็นต้น หรือการ ตรวจเลือด (specific IgE) ครับ.
>>นอกจากนี้ หากมีอาการรุนแรงที่บ่งบอกว่า อาจไม่ใชามีอาการเพียงภูมิแพ้จมูกเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีโรคร่วม หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น ริดสีดวง จมูก ไซนัสอักเสบ เนื้องอก ในโพรงจมูก ->—คนไข้จะมีอาการอื่นนอกจากอาการที่กล่าวมา ได้แก่ น้ำมูกเขียวข้น น้ำมูกไหลจากจมูกด้านเดียว มีเลือด/หนองไหลจากจากจมูก มีไข้เป็นๆหายๆ เป็นต้นครับ
>>การรักษาโรคภูมิแพ้จมูก คือ
อย่างแรก คือ การ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนเองแพ้
- ซักผ้าห่มผ้าปูบ่อยๆ ด้วยน้ำที่อุณหภูมิมากกว่า 55องศาเซลเซียส
- จัดห้องให้โล่งสะอาด ไม่มีพรม หรือ ตุ้กตา
- ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน
- ไม่สูบบุหรี่
-
อย่างที่สอง คือการใช้ยา ได้แก่ ยา antihistamine ซึ่งมีหลายแบบครับ เช่น cetirizine , fexofenadine เป็นต้น , ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เช่น fluticasone เป็นต้น ซึ่งเป็นยาที่ดี่ที่สุดขณะนี้ครับ
>>หากคนไข้ต้องการตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้จมูก แนะนำให้ปรึกษา กุมารแพทย์/อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกัน , แพทย์หู คอ จมูก ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้และไซนัสครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถาม พอดีเมื่อวันก่อนมีอการปวดศีรษะมากเหมือนจะระเบิด กดบริเวณหน้าผากยิ่งปวด วันต่อมาปวดน้อยลง แต่ตาขวาเริ่มบวมปวดตาเหมือนมีก้อนอะไรในเปลือกตาแต่ไม่คันละปวดศีรษะร่วมด้วย ก่อนหน้านั้นไปเล่นกับสุนัขแล้วจามน้ำมูกไหลเยอะมากบ่อยๆ บางทีเจ็บคอด้วยค่ะ อยากทราบว่าจะเกี่ยวกับภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบมั้ยคะ แล้วปวดศีรษะตาบวมแบบนี้อันตรายหรือต้องรีบพบแพทย์มั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)