มีอะไรกับแฟนแบบใส่ถุงยาง แล้วปรากฎว่าตอนเสร็จเรียบร้อยถึงเห็นว่าถุงยางขาดตรงเกือบๆปลายถุงยางค่ะ (ด้านโคน) ในกรณีนี้มีโอกาสท้องมั้ยคะ นับเป็นวันที่ 5 หลังมีประจำเดือนค่ะ ในกรณีนี้ต้องกินยาคุมฉุกเฉินมั้ยคะ

หากใช้ถุงยางถูกต้องและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

แต่ถ้าถุงยางฉีกขาด ก็จะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตามที่ต้องการแล้วนะคะ จึงควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงค่ะ

โดยควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (การใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกจะมีประสิทธิภาพดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมง)

และสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้นะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็ให้รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว แต่ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ

หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันนะคะ ซึ่งประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน (หรืออาจไม่พบเลยก็ได้) เป็นแค่เพียงผลข้างเคียงจากยาเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์นะคะ

ถ้ามีประจำเดือนมาแล้วก็ถือว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้นะคะ

สวัสดีครับ
ในกรณีที่ถุงยางอนามัยมีการฉีกขาดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นได้ครับ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหมอก็แนะนำว่าควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

หลังหมดประจำเดือนตั้งแต่วันแรก หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันก้ถือว่ามีความเสี่ยงทั้งหมดครับ

ฉะนั้นหากมีการฉีกขาดของถุงยางอนามัยและน้ำอสุจิเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดได้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ในช่วงนี้ครับ

ควรรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตังเครรภ์ภายหลังมีความเสี่ยงไม่เกิน72ชั่วโมงจะมีประสิทธิภาพมากสุดครับ

ถึงอมในทางทฤษฎีการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรกของการมีประจำเดือนจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยเนื่องจากมักไม่มีการตกไข่ในช่วงนี้ แต่ในทางปฏิบัติก็อาจมีการตกไข่ที่เร็วกว่าปกติเกิดขึ้นได้ในบางรอบเดือน และเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีการตกไข่ที่ผิดปกติในลักษณะนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ

ด้วยเหตุนี้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดของรอบเดือนก็ต้องถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เอาไว้ก่อน ดังนั้นในกรณีที่มีความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยก็ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เอาไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่าครับ

เนื่องจากเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีการตกไข่เร็วกว่ากำหนดเกิดขึ้นหรือไม่ จึงต้องถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ในทุกๆวันมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เอาไว้ก่อนครับ

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 5 - 24% ค่ะ

จะเห็นได้ว่าการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาดจะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่า แต่เมื่อถุงยางฉีกขาด และต้องหวังผลป้องกันจากวิธี "หน้า 7 - หลัง 7" ผู้ถามยอมรับความเสี่ยงดังกล่าวได้หรือไม่คะ

ถ้ายอมรับได้ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีป้องกันฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงก็ได้

แต่ถ้าผู้ถามต้องการลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ แนะนำให้ป้องกันฉุกเฉินนะคะ ซึ่งการใช้ยาคุมฉุกเฉินโดยเร็ว อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวให้ลงมาเป็น 15% แทนได้นั่นเองค่ะ

หรือหากต้องการให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.6 - 0.8% เท่านั้น และยังใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อได้อีกนาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ