March 16, 2017 21:59
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
--การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย1.5 ถึง 2.0 ลิตรต่อวัน การออกกำลังกายทุกวันในระดับน้อยถึงปานกลางอาจทำให้มีการเคลื่อนไหวของลำไสเพิ่มขึ้นได้ ไม่ควรละเลยหรือยับยั้งความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก และหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายต่อเนื่องยาวนานโดยไม่จำเป็น
--การฝึกให้มีนิสัยการขับถ่ายที่ดี
--ท่านั่งที่เหมาะสมกับการขับถ่ายอุจจาระ
--อาหาร การรับประทานอาหารสม่ำเสมอและดื่มน้ำเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดี อาหารที่มีปริมาณเส้นใยเพียงพอ
--การรักษาด้วยการใช้ยา ให้ใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุเทพ สุขนพกิจ
ควรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทาน มารับประทาน ผัก ผลไม้ การรับประทานผักผลไม้ให้มีกากใยอาหารเพียงพอควรรับประทานมากกว่าหรือเท่ากับ 400 กรัมต่อวัน คือประมาณ ผัก 3 ทัพพีต่อวัน บวกกับผลไม้ 2 ส่วนต่อวัน และควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน ที่สำคัญคือออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ลำไส้ มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น หากปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอแต่ยังมีอาการท้องผูกอยู่ อาจต้องสังเกตอาการอื่นด้วย เช่น ถ่ายปนมูกเลือด ท้องผูกสลับท้องเสียประจำ อุจจาระลำเล็กลง น้ำหนักลดลงผิดปกติ อาจต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ชยากร พงษ์พยัคเลิศ (นพ.)
ท้องผูกหากเกิดจากสาเหตุทางกาย แพทย์จะทำการรักษาตามสาเหตุ แต่กรณีหาสาเหตุไม่พบจะมีแนวทางการดูแลรักษาต่อไปนี้
การดูแลรักษาทั่วไป
1. การสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วย ผู่ป่วยบางคนสามารถถ่ายอุจจาระได้ปกติแต่เข้าใจว่าตัวเองมีอาการท้องผูก ผู้ป่วย กลุ่มนี้มักให้ความสําคัญกับสุขภาพตนเองมากและเชื่อว่าการถ่ายปกติต้องถ่ายได้ทุกวันทําให้เกิดความกังวลเมื่อตนเองไม่
สามารถถ่ายได้อย่างสม่ําเสมอการให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าถ้าสามารถถ่ายได้มากกว่าสองครั้งตอสัปดาหและ
การถ่ายนั้นไม่ได้ยากลําบากหรือเจ็บปวดก็ถือว่าเป็นการถ่ายที่ปกติ
2.การถ่ายให้เป็นเวลาและตอบสนองต่อความรู้สึกอยากถ่าย โดยปกติความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระมักเกิดหลังจากผู้ป่วยตื่นนอนในตอนเช้าและช่วงเวลาหลังอาหารในทางปฏิบัติหลังตื่นนอนตอนเช้าจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสําหรับการถ่ายอุจจาระ ผู้ป่วยที่มีอาการที่องผูกควรตื่นแต่เช่าให้มีเวลาเพียงพอที่จะดื่มนมสักหนึ่งแก้วเพื่อกระตุ้นให้เกิดความอยากถ่าย
3.อาหาร น้ําดื่มและเกลือแร่อาหารที่มีกากหรือไฟเบอร์มากจะทําให้ปริมาณอุจจาระมากขึ้นและเคลื่อนตัวภายในลําไส้ใหญ่เร็วขึ้นแต่การรับประทานอาหารที่มีกากมากขึ้นจะได้ผลเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกไม่รุนแรงในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการท้องผูกรุนแรงการเพิ่มปริมาณกากอาหารหรือไฟเบอร์ในอาหารที่รับประทานอาจทําให้มีอาการท้องอืดหรือปวดเกร็งท้องได้
4.การออกกําลังกายและการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวและออกกําลังกายจะทําให้การเคลื่อนไหวของลําไส้ดีขึ้นทําให้ถ่ายได้บ่อยขึ้น ผู้ป่วยที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวนอนอยู่กับเตียงตลอดเวลาจะทําให้เกิดอาการท้องผูกได้
การใช้ยาระบาย มีหลากหลายประเภท แนะนำให้ปรึกษาแพทย์และนอกจากนั้นยังมีการรักษาด้วยการผ่าตัดลำไส้ใหญ่อีกด้วยโดยผู้ป่วยที่ท้องผูกจากลําไส้เคลื่อนไหวช้าและรับประทานยาแล้วไม่ได้ผลยังมีลําไส้ใหญ่เคลื่อนไหวช้าอยู่
การตัดลําไส้ใหญ้ออกไปอาจทําให้อาการดีขึ้นได้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ท้องผูกทำไงครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)