May 26, 2019 20:19
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ถ้าเดิมกินยาคุมแบบเเผงมาต่อเนื่องสม่ำเสมอ เเละเริ่มกินได้ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉินครับ
ปกติถ้าเริ่มกินในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก ยาจะคุมกำเนิดได้เลยครับ(เริ่มกินช่วงนี้จะชัวร์ว่าตอนเริ่มกินนั้นไม่ได้ท้องเเน่ๆเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่คุมกำเนิดได้เลย)
หรือถ้ากินช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าตอนเริ่มกินไม่ได้ท้อง กรณีนี้ต้องกินไปอย่างน้อย7วัน ยาจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ ซึ่งถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนครบ7เม็ดก็ต้องใส่ถุงยางไปก่อน เเต่ถ้าให้ดีก็งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนกินครบ7เม็ดครับ
ดังนั้นถ้าเริ่มกินตรงกับที่หมอบอกเเละกินมาต่อเนื่องทุกวัน ยาก็มีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ โอกาสท้องเเทบไม่มี
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ การกินยาคุม ต้องเริ่มเม็ดแรกภายใน 1-5 วันแรกที่มีประจําเดือนเท่านั้น กินในเวลาใกล้เคียงกันในแต่ละวันเพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่
คือกินต่อเนื่องทุกวัน สำหรับแผง 28 เม็ด
หยุดกิน 7 วันหลังเม็ดสุดท้าย สำหรับแผง 21 เม็ด
ซึ่งถ้ากินอย่างถูกต้อง และกินมาแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องกินยามฉุกเฉินครับ สามารถคุมกำเนิดได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
หากทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน เป็นประจำทุกวัน ติดต่อกันมามากกว่า 7 วัน หรือ เริ่มยาเม็ดแรกช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิด ก็สามารถคุมกำเนิดได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ไม่ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ดังนั้นกรณีนี้หากถุงยางขาดไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับว่ายาคุมที่รับประทานอยู่ออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่หรือยังครับ
ถ้าหากเริ่มรับประทานยาคุมมาตั้งแต่ 5 วันแรกของการมีประจำเดือนหรือรับประทานยาคุมติดต่อกันมามากกว่า 7 วันแล้วยาคุมก็จะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่แล้ว และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินหรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยอีกครับ
แต่ถ้าหากยาคุมยังออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่และได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยไป ก็ควรรีบหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุด โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
นอกจากนี้ในช่วงที่ยาคุมออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่แล้วแต่ต้องการที่จะใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อีกชั้นหนึ่งก็สามารถทำได้เช่นกันครับ และถึงแม้ถุงยางอนามัยจะมีการฉีดขาดในระหว่างนี้ก็จะไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นถ้ายังรับประทานยาคุมอย่างสม่ำเสมออยู่ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คืออยากให้โอกาสตั้งครรภ์เข้าใกล้0% มากที่สุดคะ ถ้า ถุงยางฉีกขาด เราสามารถ ทานยาคุมฉุกเฉินได้ไหมคะ ในกรณีที่คุมกำเนิดด้วยการทานยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่แล้ว
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
เพื่อความชัดเจนหมอขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนครับ
- รับประทานยาคุมยี่ห้ออะไร
- เริ่มรับประทานวันที่เท่าไหร่
- วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่
- มีเพศสัมพันธ์วันที่เท่าไหร่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
ไม่จำเป็นต้องกินครับ ถเากินยาคุมอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ซึ่งต้องถามตนเองครับว่ากินยาคุมถูกต้องไหมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ถ้าทานยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่แล้ว หลังมีเพศสัมพันธ์สามารถทานยาคุมฉุกเฉินด้วยได้ไหมคะ
ถ้ารับประทานยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย (แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน)
แต่ถ้ารับประทานยาคุมแผงแรกไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ ในช่วงแรกจึงต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนค่ะ
ประสิทธิภาพของยาคุมรายเดือนสูงกว่ายาคุมฉุกเฉินมาก ดังนั้น หากผู้ถามใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดจากยาอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีก เพราะไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่จะทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยาโดยไม่จำเป็นค่ะ
แต่ถ้ายังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา และเกิดความผิดพลาดในการป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น ใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน แล้วเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางแต่ถุงยางกลับฉีกขาด ก็สามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงได้นะคะ
2. ถ้าทานยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่แล้ว + ใส่ถุงยาง แต่ถุงยางเกิดฉีกขาดขึ้นมา สามารถทานยาคุมฉุกเฉินได้ไหมคะ
ประสิทธิภาพของยาคุมรายเดือนสูงมากอยู่แล้ว โดย...
- หากใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% นะคะ
- ส่วนถุงยางอนามัย หากใช้ถูกต้องและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2%
- และสำหรับยาคุมฉุกเฉิน แม้จะใช้เร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15%
ดังนั้น หากมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ
แต่เมื่อต้องการใช้ร่วมกัน แล้วมีปัญหาถุงยางฉีกขาด หากมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีกนะคะ
แต่ถ้ายังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน (เช่นในกรณีที่ใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนตามที่กล่าวไปในข้อ 1) เมื่อถุงยางฉีกขาด ก็ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือ ยังไม่ได้ทานค่ะ ถามไว้เป็นข้อมูล เพราะจะได้ใช้ในเร็วๆนี้แน่ๆคะ คือยังไม่อยากท้อง(ยังยุมหาวิทยาลัย) เลย อยากให้โอกาสเข้าใกล้0%ที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
คือถามไว้ สำหรับอนาคตใช่ไหมครับ ถ้าอยากให้ โอกาสเป็น 0 มากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์ครับ โอกาสเป็น 0 แน่นอนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากต้องการลดโอกาสตั้งครรภ์ให้เหลือน้อยที่สุดหมอแนะนำให้ใช้การฝังยาคุมกำเนิดครับ เนื่องจากเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่สุดในปัจจุบัน และมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.05% เท่านั้นระหว่างการฝังยาครับ
ส่วนการรับประทานยาคุมกำเนิดนนั้นจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.3-8% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยา ยิ่งรับประทานยาคุมสม่ำเสมอมากโอกาสตั้งครรภ์ก็ยิ่งลดลง
แต่ในกรณีที่เลือกวิธีการการรับประทานยาคุมกำเนิดและเลือกใช้ควบคู่กับการใช้ถุงยางอนามัยนั้น ถ้าหากถุงยางอนามัยมีการฉีกขาดในช่วงที่ยาคุมออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่แล้ว คือ
- เริ่มรับประทานยาคุมภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาคุมก็จะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรก หรือ
- ถ้าไม่ได้รับประทานยาคุมภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้
และเมื่อยาคุมออกฤทธิ์ได้เต็มที่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีกเนื่องจากจะความปลอดภัยจากการตั้งครรภ์มากอยู่แล้วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อันนั้นหนูทราบอยู่แล้วค่ะว่าไม่มี ก็ไม่ท้อง แต่แค่ถามในกรณีที่จะมี แล้วจะป้องกันให้มากที่สุดค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุดหมอก็แนะนำให้ใช้การฝังยาคุมตามที่ได้แนะนำไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ ซึ่งการคุมกำเนิดที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน ก็คือการฝังยาคุมกำเนิดนะคะ โดยผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.05% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถทำให้โอกาสตั้งครรภ์เป็น 0% ได้นะคะ ต่อให้ใช้วิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดให้สูงขึ้น ทำได้เพียงลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดหลักที่ใช้อยู่เท่านั้น
ดังนั้น หากผู้ถามยังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยงดังกล่าว แนะนำเช่นเดียวกับคุณหมอปวริศค่ะว่าผู้ถามและแฟนควรรอให้ถึงวันที่พร้อมจริง ๆ ก่อนจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
1.ถ้าทานยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่แล้ว หลังมี เพศสัมพันธ์สามารถทานยาคุมฉุกเฉินด้วยได้ไหมคะ 2.ถ้าทานยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่แล้ว+ใส่ถุงยาง แต่ถุงยางเกิดฉีกขาดขึ้นมา สามารถทานยาคุมฉุกเฉินได้ไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)