หนูทานเมลลิแอน 21 เม็ด ทุก ๆ 21.00 น. แล้วทานยาต้มสมุนไพรดีท๊อกซ์ ประมาณ 22.00 น. แต่จะถ่ายตอน 6 โมงเช้า จะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดลงมั้ยค่ะ แล้วถ้าต้องการจะกินดีท๊อกซ์ควรกินก่อนหรือหลังยาคุมกี่ชั่วโมง หรือไม่ควรกินดีท๊อกซ์ค่ะ

1. หนูทานเมลลิแอน 21 เม็ด ทุก ๆ 21.00 น. แล้วทานยาต้มสมุนไพรดีท๊อกซ์ ประมาณ 22.00 น. แต่จะถ่ายตอน 6 โมงเช้า จะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดลงมั้ยคะ

การถ่ายอุจจาระดังกล่าวไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดค่ะ

2. แล้วถ้าต้องการจะกินดีท๊อกซ์ควรกินก่อนหรือหลังยาคุมกี่ชั่วโมง หรือไม่ควรกินดีท๊อกซ์คะ

ไม่มีข้อห้ามในการใช้ร่วมกันค่ะ หากต้องการใช้ก็สามารถรับประทานได้ตามความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังยาคุม

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามมีปัญหาทางสุขภาพหรือการเจ็บป่วยใด ๆ ที่คิดว่าควรต้องใช้ดีท็อกซ์ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมดีกว่าค่ะ

การถ่ายอุจจาระที่อาจจะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยาคุมเมลลิแอน และจำเป็นจะต้องพิจารณาแนวทางแก้ไข จะเป็นในกรณีที่ถ่ายเหลวอย่างรุนแรงและต่อเนื่องกันตั้งแต่ 2 วันขึ้นไปค่ะ

หากไม่ลืมรับประทานเมลลิแอนติดต่อกันตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป ก็ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องค่ะ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือนนั่นเอง ซึ่งหากผู้ใช้รับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

แม้ว่าการรับประทานยาคุมเมลลิแอนช้ากว่าเวลาปกติ 3 ชั่วโมงเพียงแค่ครั้งเดียวไม่น่าจะลดประสิทธิภาพของยาคุมมากนัก แต่แผงต่อไปก็ควรจะรับประทานยาคุมให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ

และเนื่องจากมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมเมลลิแอนอยู่ จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ ดังนั้น แม้จะมีปัญหาถุงยางฉีกขาดก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วยนะคะ

เมื่อใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดหมดแผงแล้ว จะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ หากไม่มีการตั้งครรภ์ จะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ

กลไกหลักของยาคุมที่ใช้คือไปยับยั้งไข่ตกค่ะ เมื่อไม่มีไข่ตก ต่อให้มีเพศสัมพันธ์หลั่งในที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้มาก หรือหลั่งนอกที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้น้อยกว่า หรือใส่ถุงยางเพื่อป้องกันอสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะอสุจิไม่สามารถผสมกับไข่ได้อยู่ดี จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์นั่นเองนะคะ

ซึ่งหากรับประทานยาคุมรายเดือนอย่างถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ยาจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ตกได้ใกล้เคียง 100% ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ถุงยางร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม ถุงยางมีประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ในกรณีที่ใช้ยาคุมไม่เหมาะสมหรือลืมรับประทานติดต่อกันหลายวันจนไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาแล้ว) ดังนั้น หากต้องการใช้ 2 วิธีนี้ร่วมกัน ก็ไม่เป็นข้อห้ามนะคะ