ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยหลั่งใน. ต้องกินยาคุมตอนไหนก่อนมีเพศสัมพันธ์หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ กี่วัน เพราะยังไม่เคยกินยาคุม. มีโอกาสท้องหรือไม่

จากข้อมูลที่ว่า "ถ้าจะ" มีเพศสัมพันธ์ แสดงว่าเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้นใช่มั้ยคะ?

หากเป็นเช่นนั้น... แนะนำดังนี้ค่ะ

ไม่มีวิธีการคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% นะคะ การคุมกำเนิดด้วยวิธีต่าง ๆ ทำได้เพียงลดความเสี่ยงให้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะลดได้มากหรือน้อยก็ขึ้นกับประสิทธิภาพของแต่ละวิธี และขึ้นกับวิธีการใช้ว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ค่ะ

ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจาก "ยาคุมรายเดือน" ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% และความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล หากมีการรับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ

โดยการเริ่มใช้ "ยาคุมรายเดือน" แผงแรก จะต้องให้มั่นใจก่อนว่าไม่มีการตั้งครรภ์ นั่นคือ

1. รับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งหากใช้ทันช่วงเวลานี้ ยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ที่กำลังจะตกในรอบเดือนนั้นได้เลย จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย (แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อน เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)

2. หากรับประทานไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน แต่ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อยู่ เช่น นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาในรอบล่าสุดมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เลย ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ แต่ยาอาจไปยับยั้งไข่ที่กำลังจะตกในรอบเดือนนั้นไม่ทัน จึงต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ ในช่วงแรกจึงต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนจนกว่าจะมีผลคุมกำเนิดจากยานะคะ (การใช้ในลักษณะนี้จะปรับรอบประจำเดือนใหม่ ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะมาหลังจากที่ใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดแล้วค่ะ)

เมื่อมีผลคุมกำเนิดจากยาแล้วก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ หากมีการใช้ยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็จะมีผลคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงต่อเนื่องกันทุกวัน จึงมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอด ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเวลาก่อนหรือหลังรับประทานยาคุมในแต่ละวันนะคะ

สวัสดีค่ะ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงให้ทาน"ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน"ค่ะ โดยยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85%ค่ะ ถือว่าประสิทธิภาพไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการคุมด้วยวิธีอื่นๆ และไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินเกิน2กล่องต่อเดือน ยาคุมฉุกเฉินมีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถูกข่มขืน ถุงยางอนามัยแตก หรือลืมทานยาคุมแบบรายเดือนค่ะ

แต่ถ้ายังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ให้ทาน"ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน" โดยทานเม็ดแรกภายใน 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรก ยาคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ทันทีตั้งแต่เม็ดแรก แต่ถ้าทานนอกจาก 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรก ต้องทานติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันยาคุมถึงจะออกฤทธิ์ค่ะ แสดงว่าต้องคุมด้วยถุงยางอนามัยไปก่อน 7 วัน ยังไม่สามารถหลั่งในได้จนกว่าจะพ้น 7 วันค่ะ สำหรับยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนจะมีประสิทธิภาพสูง สามารถคุมกำเนิดได้ 91-99.7% ซึ่งเหมาะแก่การใช้เป็นประจำค่ะ

หมายถึงว่ากินเม็ดแรกภายใน 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรกค่ะ ส่วนเม็ดที่เหลือก็ทานวันต่อไปเรื่อยๆจนหมดแผงค่ะ ยังไงเวลาซื้อยาคุมกำเนิด เภสัชกรจะอธิบายวิธีใช้อีกทีค่ะ

การใช้ยาคุมรายเดือนต้องใช้ไปตลอดเพื่อให้มีผลยับยั้งไข่ตกอย่างต่อเนื่องค่ะ ซึ่งจะทำให้มีผลคุมกำเนิดได้ทุกวัน (ทั้งวันที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ และวันที่มีเพศสัมพันธ์)

หากผู้ถามไม่ต้องการผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง สามารถใช้ถุงยางอนามัยป้องกันแทนการใช้ยาคุมรายเดือนได้นะคะ เพราะสามารถใช้ถุงยางเฉพาะเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และถ้าใช้ถูกวิธีและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาดก็จะมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งก็ถือว่าน้อยจนไม่น่าจะกังวล และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังไม่ต้องทนกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเหมือนกับการรับประทานยาคุมด้วยค่ะ