กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

6 วิธีช่วยบรรเทาอาการแพ้ที่เกิดจากความร้อน

แก้ลมพิษง่ายๆ ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ยา
เผยแพร่ครั้งแรก 6 มิ.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 15 มิ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
6 วิธีช่วยบรรเทาอาการแพ้ที่เกิดจากความร้อน

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคลมพิษสามารถเกิดได้จากอุณหภูมิของร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
  • อาการที่เกิดจากโรคลมพิษจะเกิดขึ้นกับผิวของผู้ป่วย เช่น เป็นผื่นแดง คัน แสบร้อนตามผิวหนัง
  • การรักษาค่ากรดด่างของผิวหนังให้เหมาะสมคือ อีกหนึ่งทางรักษาของโรคลมพิษได้
  • การตรวจร่างกาย และความเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้คุณรู้จักวิธีดูแลตนเองเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ และโรคอื่นๆ รวมถึงโรคลมพิษ
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้  

อุณหภูมิที่ร้อนจัดสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ที่เรียกว่า "โรคลมพิษ (Urticaria)" ได้ โดยโรคนี้จะส่งผลต่อผิวของผู้ป่วยโดยตรง เพราะอากาศ และอุณหภูมิในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงของฉับพลัน 

นอกจากนี้โรคลมพิษยังเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสแดด หรือแหล่งที่ให้ความร้อนอื่นๆ เป็นเวลานานด้วย และยังเกิดได้จากการออกกำลังกายหนักๆ (High Impact) 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

อาการของโรคลมพิษ

  • มีผื่นแดงขึ้นบนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม คอ ใต้หน้าอก หรือบริเวณอื่นๆ ที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้
  • รู้สึกคัน และแสบร้อน
  • มีไข้
  • อาเจียน

อาการของโรคลมพิษนอกจากรักษาได้ด้วยยาต้านฮิสตามีนและสเตียรอยด์แล้ว ยังมีวิธีรักษาอื่นๆ โดยอาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติอีก ดังนี้

6 วิธีช่วยบรรเทาอาการแพ้ที่เกิดจากความร้อน

1.น้ำแข็ง หรือการประคบเย็น

การประคบน้ำแข็งบนผิวถือเป็นหนึ่งในวิธีที่รู้จักกันดีที่สุดซึ่งช่วยลดการระคายเคืองที่เกิดจากการแพ้ความร้อนได้ เพราะความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยลดการอักเสบได้ดี ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิต และการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายดีขึ้น

วิธีใช้

  • นำน้ำแข็งหลายก้อนไปห่อในผ้านุ่มๆ และนำมาประคบบริเวณที่ระคายเคืองเบาๆ เป็นเวลา 5-10 นาที
  • ทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อวัน

2.น้ำมันมะกอก

มีการพิสูจน์แล้วว่า กรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acid: EFA) ในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยต่อสู้กับปัญหาผิวแห้ง และปัญหาแก่ก่อนวัยได้อย่างดีเยี่ยม 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการศึกษาว่า น้ำมันมะกอกช่วยในการรักษาอาการคัน แถมยังมีการศึกษาว่าการทาน้ำมันมะกอกทำให้ชั้นผิวเสียหายซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้น้ำมันมะกอก 

วิธีใช้

  • เทน้ำมันมะกอกบนผิวเพียงเล็กน้อย และถูเบาๆ
  • ปล่อยให้น้ำมันซึมเข้าผิว และทำซ้ำ 2 วันต่อครั้ง

3.ว่านหางจระเข้

เจลว่านหางจระเข้ขึ้นชื่อเรื่องการให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเพราะมีคุณสมบัติช่วยลดผื่นและลดรอยแดงที่เกิดจากความร้อนได้ ด้วยความที่ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยน้ำและสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และทำให้ค่ากรดด่างที่ผิวสมดุล

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า ว่านหางจระเข้สามารถรักษาลมพิษได้ แต่มีการรายงานถึงการแพ้ว่านหางจระเข้ ดังนั้นผู้ที่จะใช้ว่านหางจระเข้บรรเทาอาการลมพิษจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง หากมีอาการแพ้ควรหยุดใช้ทันที

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

วิธีใช้

  • ถูเจลว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะในบริเวณที่มีปัญหา
  • รอประมาณ 20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็น
  • ทำเช่นนี้ 3 ครั้งต่อวัน

4.ชาคาโมมายล์

ชาคาโมมายล์แบบเย็นเป็นโลชั่นที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น คุณสามารถดื่มชาคาโมมายล์โดยตรงเพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร 

แต่ควรระวังอาการแพ้คาโมมายล์ด้วย เนื่องจากเคยมีรายงานว่า มีผู้แพ้ชาคาโมมายล์แบบอานาฟิแลกซิส

หากไม่แน่ใจว่า คุณแพ้ชาคาโมมายล์หรือไม่ นอกจากการตรวจภาวะแพ้และภูมิแพ้อาหารแล้ว คุณอาจตรวจภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงร่วมด้วย เพื่อความปลอดภัยในการใช้ชาคาโมมายล์

วิธีใช้

  • ใส่คาโมมายล์แบบแห้ง 1 ช้อนโต๊ะลงในน้ำร้อน 1 แก้ว และปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที
  • เมื่ออุณหภูมิอยู่ในระดับที่คุณสามารถทนได้แล้ว ให้นำมาถูบริเวณที่มีปัญหา
  • ดื่มชาคาโมมายล์ 1-2 แก้วต่อวัน

5.โอ๊ตมีล

โอ๊ตมีลมีสารที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมและบำรุงผิวได้ด้วย ดังนั้นจึงมีผู้นำโอ๊ตมีลมาใช้ในการบรรเทาผื่นแพ้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาที่ระบุว่า โอ๊ตมีลเป็นหนึ่งในสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผื่นแพ้ได้ ดังนั้นจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

วิธีใช้

  • ใส่ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย ในอ่างอาบน้ำ และปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที หรือจะผสมข้าวโอ๊ตกับน้ำกุหลาบ และนำไปนวดบริเวณผิวที่มีปัญหาก็ได้
  • ทำซ้ำวันละ 1 ครั้ง จนกระทั่งควบคุมอาการได้

6.น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีประโยชน์ในแง่ของการควบคุมกรดด่างของผิวตามธรรมชาติ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการลมพิษ หรือทำให้เกิดอาการแพ้มากขึ้น

วิธีใช้

  • ผสมน้ำ และน้ำส้มสายชูในอัตราส่วนเท่ากัน แล้วนำไปบรรจุในขวดสเปรย์ และพ่นให้ทั่วบริเวณที่มีปัญหา
  • ปล่อยให้ซึมเข้าผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และทำซ้ำ 2 ครั้งต่อวัน

คุณจะเห็นได้ว่า วิธีการบรรเทาอาการลมพิษทั้ง 6 แบบนั้นไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อน อีกทั้งวัตถุดิบทางธรรมชาติเหล่านี้ยังจะช่วยบำรุงผิวให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย นี่อาจจะเป็นไอเดียใหม่ๆ ของการรักษาโรคลมพิษได้  

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันไม่ให้คุณเกิดโรคลมพิษจากอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัด นั่นคือ ให้คุณหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่ร้อนจัด หรืออับ และไม่มีอากาศถ่ายเท ให้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนา สามารถถ่ายเทความร้อนข้างในร่างกายได้เป็นอย่างดี 

เหล่านี้เป็นวิธีการหลัก แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการตรวจหาสาเหตุของอาการแพ้ต่อไป

เพียงเท่านี้ร่างกายของคุณก็จะห่างไกลจากโรคลมพิษได้แล้ว

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Danby SG, AlEnezi T, Sultan A, et al. Effect of olive and sunflower seed oil on the adult skin barrier: implications for neonatal skin care. Pediatr Dermatol. 2013;30(1):42‐50. doi:10.1111/j.1525-1470.2012.01865.x
Andres C, Chen WC, Ollert M, Mempel M, Darsow U, Ring J. Anaphylactic reaction to camomile tea. Allergol Int. 2009;58(1):135‐136. doi:10.2332/allergolint.C-08-63
American College of Allergy, Asthma and Immunology. Hives (Urticaria) (https://acaai.org/allergies/types-allergies/hives-urticaria), 11 June 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
7 ประโยชน์ด้านความงามของคาโมมายล์ที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา
7 ประโยชน์ด้านความงามของคาโมมายล์ที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา

ชาคาโมมายล์นอกจากใช้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวและเส้นผมได้อีกด้วย

อ่านเพิ่ม
ชวนทำ 5 ชาช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ใหญ่
ชวนทำ 5 ชาช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ใหญ่

แนะนำ 5 ชาที่มีสรรพคุณในการดีท็อกซ์ สามาถดื่มได้ทุกวัน

อ่านเพิ่ม