เมทาบอลิซึมคือ กระบวนการที่ร่างกายเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน ซึ่งมีความสำคัญสำหรับคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อ ยิ่งร่างกายเผาผลาญแคลอรีหรือเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานได้ดีเท่าไร มันก็จะยิ่งทำให้คุณลดน้ำหนักได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากลดน้ำหนักได้สำเร็จ คุณก็ควรกระตุ้นเมทาบอลิซึมค่ะ ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมมาให้คุณดูเป็นแนวทางแล้วดังนี้
1.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายคือหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า การปั่นจักรยาน 45 นาที สามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายขณะพักผ่อน และช่วยให้แคลอรีเผาผลาญนานถึง 14 ชั่วโมงหลังจากออกกำลังกายแบบแอโรบิก ตัวอย่างของการออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น ว่ายน้ำ เต้นซุมบ้า HIIT (high-intensity interval training) เป็นต้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2.ทานอาหาร 5-6 มื้อต่อวัน
เป็นที่เชื่อกันว่าการทานอาหารน้อยลงจะทำให้เราลดน้ำหนักได้มากขึ้น แต่มันก็อาจไม่ได้จริงเสียทีเดียว ถ้าอยากให้ระบบเผาผลาญทำงานได้มากขึ้น การทานอาหารให้เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญบางคนอ้างว่า ระบบเผาผลาญจะทำงานช้าลงในระหว่างมื้ออาหาร ดังนั้นการทานอาหาร 5-6 มื้อเล็กๆ ให้ได้ตลอดวันแทนการทานอาหารวันละ 3 มื้อแบบจัดเต็มจึงเป็นความคิดที่ดีกว่า โดยให้คุณทานอาหารจำพวกธัญพืชเต็มเมล็ด ไข่ พลัม แอปเปิ้ล หรือแม้แต่อะโวคาโด เพราะร่างกายสามารถเผาผลาญได้อย่างรวดเร็ว และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ นอกจากนี้การทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอย่างเนื้อปลอดมันหรือถั่ว ก็สามารถช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ
3.เลือกทานเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด
หากคุณทานอาหารมากกว่าที่ร่างกายต้องการ แคลอรีส่วนเกินก็จะถูกเก็บอยู่ในรูปของไขมันเพื่อใช้ในภายหลัง ดังนั้นถ้าไม่อยากให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ให้คุณเลือกทานอาหารที่ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องนานกว่าเดิม หากคุณกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบถุงมันฝรั่งทอด ให้คุณหันไปทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอย่างธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า ธัญพืชเต็มเมล็ดสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญได้อย่างมีนัยสำคัญและช่วยลดน้ำหนัก เพราะมันช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม ทำให้ลดโอกาสที่คุณจะทานอาหารมากเกินไป
4.ดื่มชาเขียว
การดื่มชาเขียวก็สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน ชาเขียวมีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์และคาเฟอีน ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญ การดื่มชาเขียวประมาณ 2 แก้วอาจช่วยเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินได้ประมาณ 70-100 แคลอรี หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน ชาเขียวไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยลดความดันซิสโตลิกอีกด้วย
5.ทานอาหารเผ็ด
การทานอาหารเผ็ดนับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อระบบเผาผลาญ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า สารแคปไซซินที่ทำให้เรารู้สึกเผ็ดร้อนที่พบได้ในอาหารเผ็ด สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ เมื่ออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นทุกครึ่งองศา กระบวนการเผาผลาญจะเพิ่มขึ้นประมาณ 7%
6.ดื่มน้ำ
การดื่มน้ำไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งสรุปว่า การดื่มน้ำ 500 มิลลิลิตรทำให้การเผาผลาญในร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 30% ดังนั้นใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ถ้าอยากให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีที่สุด คุณก็อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรทุกวัน
7.นอนให้เพียงพอ
การนอนสามารถช่วยเพิ่มเมทาบอลิซึมและเผาผลาญแคลอรี ถ้าคุณนอนไม่ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง มันก็จะส่งผลต่อเมทาบอลิซึมของร่างกาย ซึ่งมันจะไปเปลี่ยนเมทาบอลิซึมของกลูโคส และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสมดุลของเมทาบอลิกของร่างกาย นอกจากนี้การนอนมากเกินไปก็สามารถส่งผลทางลบต่อเมทาบอลิซึมได้เช่นกัน
จากที่กล่าวไปจะเห็นได้ว่า คุณสามารถมีส่วนช่วยกระตุ้นเมทาบอลิซึมโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและไลฟ์สไตล์ การนำวิธีข้างต้นไปปรับใช้จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ทั้งนี้คุณต้องอดทน มีวินัยในตัวเอง และทำให้ได้อย่างสม่ำเสมอค่ะ ที่มา: https://www.curejoy.com/conten...