ตลอดชีวิตที่ผ่านมา คุณน่าจะเคยได้ยินมาว่า เราจำเป็นต้องดื่มน้ำวันละประมาณ 8 แก้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ
แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า ถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป มันจะเกิดอะไรขึ้น? หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินไป มันก็สามารถทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (Water Intoxication)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่นอกจากผลข้างเคียงที่ได้รับ คือ การปวดปัสสาวะมากกว่าปกติแล้ว มันก็ยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจอันตรายมากกว่าที่คุณคิด แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เราลองมาดูพร้อมกัน
1.ทำให้เซลล์บวม
ร่างกายของเราทุกคนต่างมีโซเดียม และโพแทสเซียมไอออนที่ทำหน้าที่เป็นอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย และรักษาสมดุลของๆ เหลวระหว่างเซลล์ และเลือด
แต่เมื่อไรที่มีสารมีน้ำเข้ามาอยู่ในเลือดมากเกินไป และมีเกลือ หรือไอออนในเซลล์สูง น้ำก็จะเข้าไปในเซลล์ ทำให้เซลล์บวมมากขึ้น และนั่นจะยิ่งเป็นอันตรายสำหรับเซลล์ประสาทในสมอง สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ คุณจะมีอาการปวดศีรษะ ชัก สมองได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้สึกตัว และแม้แต่เสียชีวิต
2.มีโซเดียมต่ำกว่าปกติ
การดื่มน้ำมากเกินไปสามารถทำให้โซเดียมในร่างกายเสียสมดุล ซึ่งแร่ธาตุที่สำคัญชนิดนี้ควรมีค่าระหว่าง 135-145 mEg/L. แต่หากมีค่าต่ำกว่า 135 mEq/L มันก็จะทำให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia)
อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับนักกีฬาที่สูญเสียโซเดียมเป็นจำนวนมากในระหว่างที่เหงื่อออกมากกว่า และการดื่มน้ำในเวลานี้จะยิ่งทำให้ความหนาแน่นของโซเดียมลดลงไปกันใหญ่ ซึ่งสามารถทำให้นักกีฬาถึงกับเสียชีวิตได้
ทั้งนี้หากโซเดียมต่ำกว่า 120 mmol/liter คุณก็จะเริ่มเห็นอาการเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้อาการสับสน หรือการเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อจะเด่นชัดเมื่อโซเดียมน้อยกว่า 110 mmol/liter
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่ถ้ามันลดจนไปอยู่ที่ 90-105 mmol/liter อาการของคุณจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น ในช่วงแรก คุณอาจรู้สึกง่วงนอน หรือคุณอาจไม่รู้สึกตัว
3.มีระดับของโพแทสเซียมต่ำกว่าปกติ
หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินไป มันยังทำให้ระดับของโพแทสเซียมในร่างกายต่ำลง และนั่นก็อาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ (Hypokalemia) ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียน มีความดันโลหิตต่ำ เป็นอัมพาต คลื่นไส้ และท้องเสีย
และผลของมันจะยิ่งเด่นชัดถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงรับประทานยาลดปัสสาวะอย่างวาโซเพรสซิน (Vasopressin) ทั้งนี้ยาดังกล่าวจะทำหน้าที่เลียนแบบฮอร์โมนวาโซเพรสซิน ซึ่งรักษาน้ำให้คงอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ร่างกายตึงเครียดอย่างตอนออกกำลังกาย
ดังนั้นถ้าร่างกายของคุณอยู่ในภาวะคั่งน้ำอยู่แล้ว การดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตราย
4.ทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้ระดับของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายลดลง เมื่อของเหลวเสียสมดุล มันก็สามารถส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และนำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้อหดเกร็ง และตะคริวได้ในที่สุด
หากคุณต้องทำกิจกรรมที่ใช้แรง และพลังงานมาก มันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรเติมอิเล็กโทรไลต์ให้ร่างกายโดยดื่มเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่เพิ่มนอกเหนือจากน้ำเปล่า
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
5.ทำให้ไตทำงานหนักเกินไป
อย่างที่คุณทราบดีว่า ไตมีหน้าที่กรองสารพิษออกจากเลือด ทั้งนี้การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองน้ำส่วนเกินออกจากเลือด
ดังนั้นถ้าคุณดื่มน้ำหลายลิตรในหนึ่งชั่วโมง ไตของคุณก็จะทำงานหนัก และมันจะยิ่งเป็นอันตรายถ้าคุณมีปัญหากับไตมาก่อนแล้ว ซึ่งนักวิจัยพบว่า มันสามารถทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง และอาจทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
6.หัวใจทำงานหนัก
ร่างกายมีกลไกดูดซึมน้ำที่มีประสิทธิผล ซึ่งของเหลวที่คุณดื่มเกือบ 80% จะถูกดูดซึมโดยลำไส้เล็กผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "ออสโมซิส (Osmosis)" น้ำจะเข้าไปในกระแสเลือด และสุดท้ายก็จะทำให้เลือดมีปริมาตรเพิ่มขึ้น
การดื่มน้ำมากเกินไปสามารถทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพราะปริมาตรเลือดเพิ่มขึ้น และในบางกรณีก็อาจทำให้มีอาการชักได้ และการทำงานของไตกับสุขภาพหัวใจต่างก็มีความความเกี่ยวข้องกัน
ดังนั้นผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเลือดคั่งจากหัวใจล้มเหลว หรือเป็นโรคหัวใจชนิดอื่นๆ ที่ส่งผลต่อไต มีแนวโน้มที่จะกักเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น ในกรณีนี้ การดื่มน้ำมากเกินไปสามารถทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อหัวใจขยายตัว และทำให้หัวใจวายได้ในที่สุด
ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจบ่อยๆ และสอบถามแพทย์ว่า จะต้องดื่มน้ำอย่างไรไม่ให้โรคประจำตัวกำเริบออกมาอีกครั้ง
7.ทำให้รู้สึกเหนื่อย
การขับของเหลว คือ หน้าที่หลักของไต เมื่อคุณดื่มน้ำมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ไตจำเป็นต้องกำจัดน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น ส่งให้คุณรู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ยิ่งไปกว่านั้น การเจือจางของอิเล็กโทรไลต์ก็สามารถทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าได้เช่นกัน
จากที่กล่าวไปจะเห็นได้ว่า การดื่มน้ำมากเกินไปก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา สำหรับปริมาณของน้ำที่คุณควรดื่มนั้นก็ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ น้ำหนักตัว ระดับกิจกรรม โรคประจำตัว ยา และสภาพแวดล้อม
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อากาศหนาว และทำกิจกรรมทางกายเพียงเล็กน้อยก็อาจไม่ต้องการน้ำมากถึง 8 แก้วต่อวัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ทาง The National Health Services แนะนำให้จำกัดการดื่มน้ำอยู่ที่ประมาณ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 1.2 ลิตรต่อวัน
แต่หากวันไหนที่อากาศร้อนชื้น ต้องออกกำลังกาย ใช้พลังงานมากกว่าปกติ ให้คุณดื่มน้ำเพิ่มขึ้น 1.5-2.5 แก้ว หากเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ที่เสริมอิเล็กโทรไลต์ให้กับร่างกายด้วยก็จะยิ่งดีขึ้นไปีอก
เพราะมันจะไปช่วยรักษาสมดุลของเกลือในร่างกาย แต่ทั้งนี้คุณควรดื่มน้ำแบบทีละน้อยไปตลอดวันแทนการดื่มน้ำมากๆ ในครั้งเดียว
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android