นอกเหนือจากการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันแล้วนั้น การรับประทานอาหารจากธรรมชาติหรือมีการเติมฟลูออไรด์นั้นยังจะช่วยป้องกันฟันไม่ให้ผุและทำให้เหงือกแข็งแรงอีกด้วย
ฟันผุและโรคเหงือกนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เคลือบอยู่บนฟันที่เห็นเป็นคราบ หากไม่มีการแปรงเอาคราบนี้ออกไป แบคทีเรียก็จะทำการสลายน้ำตาลและแป้งในอาหารเพื่อสร้างกรดที่จะทำลายสารเคลือบฟัน คราบเหล่านี้ยังจะแข็งตัวกลายเป็นหินปูนซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรับประทานอาหารที่สมดุลนั้นจะทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุ วิตามินและสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการมีฟันและเหงือกที่แข็งแรง ฟลูออไรด์นั้นพบได้ตามธรรมชาติในอาหารและน้ำ หรืออาจจะมีการเติมลงในน้ำ ถือเป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันการเกิดฟันผุ และสามารถลดอัตราการเกิดโรคฟันผุได้มากถึง 60%
แนวทางในการดูแลฟัน
เริ่มต้นให้ถูกต้องด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสมในระหว่างที่ตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจว่าฟันของทารกนั้นจะขึ้นอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะแคลเซียม ซึ่งช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และวิตามินดีซึ่งร่างกายต้องใช้ในการดูดซึมแคลเซียม
คุณต้องการแคลเซียมในปริมาณมากเพื่อให้ฟันและเหงือกแข็งแรง การรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมชนิดไขมันต่ำ, เครื่องดื่มจากถั่วเหลืองและข้าว, แอลมอนด์และผักใบเขียวล้วนแต่เป็นแหล่งของแคลเซียมที่สำคัญ
คุณยังต้องการวิตามินดีเพื่อใช้ในการดูดซึมแคลเซียม วิตามินดีสามารถพบได้ในนม เครื่องดื่มจากถั่วเหลืองและข้าว, เนยเทียม ปลาที่มีไขมันเช่นแซลมอน และการได้รับแสงแดดในระดับปานกลาง
ฟลูออไรด์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์นั้นจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดฟันผุได้ในช่วงปีแรกๆ ของชีวิต ฟลูออไรด์นั้นพบในน้ำที่มีการเติมฟลูออไรด์ (ซึ่งไม่ได้พบได้ทั่วไป) เครื่องดื่มที่ทำจากน้ำที่เติมฟลูออไรด์ ชา และปลาบางชนิด รวมถึงยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากบางชนิด นอกจากนั้นยังมีฟลูออไรด์เสริมสำหรับเด็กที่ไม่มีน้ำที่มีการเติมฟลูออไรด์ อย่างไรก็ตามการได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากเกินไปนั้นอาจทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้
นอกจากนั้นยังต้องมีฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ฟอสฟอรัสนั้นพบไปเนื้อสัตว์ ปลา และไข่ และแมกนีเซียมนั้นพบในธัญพืช ผักโขมและกล้วย วิตามินเอจะช่วยสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เบต้าแคโรทีนซึ่งร่างกายจะนำมาเปลี่ยนเป็นวิตามินเอนั้นสามารถพบได้ในผักและผลไม้สีส้ม และผักใบเขียว
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ในเด็กที่เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ ผู้ปกครองควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ดูแลให้รับประทานอาหารที่ดี
- แปรงฟันให้เด็กจนกว่าพวกเขาจะโตพอที่จะแปรงได้ด้วยตัวเอง (มักจะอยู่ที่ 6-7 ปี)
- คอยดูแลให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันหลังจากนั้น
- อย่าให้ทารกนอนโดยมีขวดนม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน
- อย่าจุ่มจุกนมหลอกลงในน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม
1.ปัจจัยเกี่ยวกับน้ำตาล น้ำตาลซูโครสนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันผุ ถึงแม้ว่าอาหารที่มีน้ำตาลสูงเช่นคุกกี้ ลูกอมและน้ำอัดลมนั้นจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฟันผุแต่อาหารที่เป็นแป้งเช่นขนมปังและซีเรียลนั้นก็มีส่วนทำให้ฟันผุเช่นกัน เมื่อแป้งนั้นผสมกับเอนไซม์ amylase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่อยู่ในน้ำลายก็จะทำให้เกิดกรดที่ไปสลายสารเคลือบฟันและทำให้ฟันผุง่ายขึ้น หากอาหารที่เป็นแป้งเหล่านี้อยู่ในปากนานๆ ก็จะยิ่งทำให้มีกรดอยู่นานมากขึ้นและทำให้เกิดการทำลายฟันที่รุนแรงมากขึ้น
ควรระมัดระวังเวลารับประทานผลไม้แห้ง เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลเสียต่อฟันเนื่องจากมีน้ำตาลที่สูงและมักจะติดฟัน แม้แต่น้ำผลไม้ที่ไม่ได้เติมน้ำตาลนั้นก็อาจทำให้เกิดฟันผุได้เนื่องจากมันมีกรดและมีน้ำตาลในปริมาณที่ค่อนข้างสูง
การทานผลไม้สดโดยเฉพาะแอปเปิ้ลนั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าผลไม้สดนั้นจะมีกรดและหวาน แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาน้อยกว่าเนื่องจากการเคี้ยวนั้นจะกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย น้ำลายจะช่วยลดความเป็นกรดภายในปากและกวาดเศษอาหารลงคอ ตัวอย่างเช่นแอปเปิ้ลนั้นถูกเรียกว่าเป็นแปรงสีฟันตามธรรมชาติเนื่องจากมันจะกระตุ้นเหงือก เพิ่มการหลั่งน้ำลายและลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ การที่ปากแห้งนั้นๆ นั้นก็ทำให้เกิดฟันผุได้เช่นกัน น้ำลายนั้นจะหลั่งน้อยลงในระหว่างที่นอน ดังนั้นการนอนโดยไม่แปรงฟันนั้นจึงเป็นเรื่องที่อันตราย ยาบางตัวโดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้นจะลดการหลั่งน้ำลาย
2.โรคเหงือก คนเรามักจะสูญเสียฟันจากโรคเหงือกมากกว่าการมีฟันผุ โรคเหงือกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกคนที่ไม่สนใจความสะอาดของช่องปากหรือรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดสารอาหาร หรือติดเชื้อ AIDS/HIV หรือกำลังได้รับยาในกลุ่มสเตียรอยด์หรือยาเคมีบำบัด จะจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำนั้นจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเหงือกได้