การมีอาการเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายคอคือสิ่งที่เราต่างก็เคยประสบกันมาบ้าง ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส การสูบบุหรี่ หรือแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม ถ้าคอของคุณมีแนวโน้มที่จะเจ็บตอนกลางคืน คุณอาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นต้นตอของปัญหานี้ สำหรับตัวกระตุ้นที่สามารถเป็นไปได้ที่คุณควรระวังมีดังนี้
1.โรคภูมิแพ้
ปฏิกิริยาแพ้สามารถทำให้เรารู้สึกเจ็บคอ ทั้งนี้การแพ้และแม้แต่การเป็นโรคไข้หวัดธรรมดาก็สามารถทำให้เมือกเพิ่มขึ้นและทำให้มันไหลลงคอ ส่งผลให้คอระคายเคืองและทำให้อาการแย่ลง ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกเจ็บคอตอนเย็นหรือตอนกลางคืน บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในช่วงเวลานั้นที่ทำให้อาการแพ้กำเริบ ให้คุณลองตรวจสอบสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น เชื้อรา สะเก็ดผิวของสัตว์ เกสรดอกไม้ ฝุ่น ฯลฯ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
2.อากาศแห้ง
อากาศแห้งนับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้คุณรู้สึกเจ็บคอ เครื่องทำความร้อนที่ใช้ในฤดูหนาวอาจทำให้อากาศภายในบ้านแห้งมาก ซึ่งสามารถทำให้คุณรู้สึกคันหรือเจ็บคอ หากคุณใช้เวลาตอนเย็นในบ้านที่มีสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คุณอาจมีอาการเจ็บคอตอนกลางคืนหรือตอนเช้าเมื่อคุณตื่นนอน
3.หายใจผ่านทางปาก
การหายใจผ่านทางปากสามารถทำให้คอแห้ง และนำไปสู่อาการเจ็บและไม่สบายคอ นอกจากนี้ถ้าคุณมีแนวโน้มนอนอ้าปาก คุณก็อาจตื่นกลางดึกหรือตื่นตอนเช้ามาพร้อมกับอาการเจ็บคอ อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้เราหายใจทางปาก เช่น การมีอาการคัดจมูก มีผนังกั้นช่องจมูกคด ฯลฯ
4.โรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนทำให้เอนไซม์และกรดจากกระเพาะอาหารไหลมายังหลอดอาหารและแม้แต่บริเวณคอ ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก เจ็บคอ คลื่นไส้ ไอ และมีเสียงแหบ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กรดในกระเพาะอาหารมีแนวโน้มเข้าไปในหลอดอาหารได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณนอนราบกับพื้น คุณอาจพบว่าตัวเองมีอาการเจ็บคอตอนกลางคืนหรือตอนเช้า
วิธีช่วยแก้ปัญหา
1.ดื่มนมผสมขมิ้นหรือชา
ขมิ้นสามารถช่วยรับมือกับอาการแพ้ เพราะมันมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์และสารต้านการอักเสบที่สามารถยับยั้งการหลั่งฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ร่างกายหลั่งออกมาในระหว่างปฏิกิริยาแพ้ และทำให้เราแสดงอาการแพ้ออกมา อย่างไรก็ดี สำหรับวิธีการทานคือ ให้คุณนำผงขมิ้นใส่ในน้ำร้อนหรือนำไปใส่ในนม โดยดื่มก่อนนอน 30 นาที
2.ทานโปรไบโอติก
โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่มีประโยชน์มากมาย โดยช่วยตั้งแต่ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นไปจนถึงช่วยเสริมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้มันยังช่วยคุณรับมือกับอาการแพ้ ซึ่งมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า โปรไบโอติกบางชนิดสามารถยับยั้งโปรตีนที่เรียกว่า ไซโทไคน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน และมีส่วนทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถพบโปรไบโอติกได้ในอาหารหมักดองอย่างโยเกิร์ตและอาหารเสริม แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าอาหารที่มีโปรไบโอติกทุกชนิดจะมีแบคทีเรียชนิดเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่คุณจะทาน ให้คุณตรวจสอบฉลากของผลิตภัณฑ์เพื่อให้มั่นใจว่ามีแบคทีเรียที่ช่วยรับมือกับอาการแพ้
3.ล้างโพรงจมูก
การใช้น้ำเกลือล้างจมูกถือเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอที่มีประสิทธิผลและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับวิธีทำคือ ให้คุณผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 240 มิลลิลิตร และนำมาใช้กลั้วคอ โดยให้ทำเช่นนี้ 2 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้การใช้น้ำเกลือล้างภายในจมูกก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเสมหะไหลลงคอ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
4.หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
- ปิดหน้าต่างและอยู่ภายในบ้านถ้ามีละอองเกสรเป็นจำนวนมาก
- ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ ไวนิล หรือหนังแทนเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า เพราะมันสะสมฝุ่นน้อยกว่า
- ใช้ปลอกหมอนหรือผ้าปูเตียงที่กันไรฝุ่น และซักด้วยน้ำร้อนทุกสัปดาห์ (54.5-60 องศาเซลเซียส)
- เชื้อราอาจเติบโตบนพรม วอลเปเปอร์ หนังสือ และใยผ้าเมื่อสิ่งเหล่านี้ชื้น ดังนั้นให้คุณใช้พัดลมดูดอากาศออกเพื่อลดความชื้นในบริเวณที่มีความชื้นสูงอย่างห้องน้ำ และใช้แผ่นกรองอากาศชนิด HEPA ในการกำจัดเชื้อราในอากาศ
5.เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อรับมือกับโรคกรดไหลย้อน
การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคกรดไหลย้อน เพราะการเคี้ยวจะกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลาย และน้ำลายก็สามารถทำให้กรดในกระเพาะอาหารมีความเป็นกลางมากขึ้น มันจึงช่วยป้องกันไม่ให้คอระคายเคือง ดังนั้นให้คุณเคี้ยวหมากฝรั่งก่อนทานอาหารเย็นหรืออาหารมื้ออื่นๆ 30 นาที โดยให้เลือกเป็นหมากฝรั่งสูตรปลอดน้ำตาลเพื่อที่คุณจะได้ไม่เสี่ยงต่อปัญหาฟันผุ
6.ยกศีรษะและหน้าอกให้สูง
เมื่อร่างกายอยู่ในตำแหน่งตั้งตรง แรงโน้มถ่วงสามารถทำให้กรดในกระเพาะไหลลงมาและป้องกันไม่ให้เกิดกรดไหลย้อน แต่ในตอนกลางคืน เมื่อคุณนอนราบกับเตียง มันก็จะเอื้อต่อการไหลของกรดมายังคอ ดังนั้นให้คุณนอนโดยยกศีรษะและหน้าอกให้สูงกว่าเอวประมาณ 10-20 ซม. ซึ่งคุณอาจหาบางสิ่งมารองใต้ที่นอน
7.ทานอาหารเย็น 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
หากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคกรดไหลย้อน คุณควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่ากรดจากกระเพาะอาหารไม่ไหลมายังหลอดอาหารเมื่อคุณนอนราบ อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันว่าอาหารบางชนิดอย่างแอลกอฮอล์ กาแฟ ช็อกโกแลต และอาหารที่มีไขมันสูง สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อน ดังนั้นถ้าคุณเป็นโรคนี้อยู่แล้ว คุณก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้
อาการเจ็บคออาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากมันเกิดขึ้นในตอนกลางคืน แน่นอนว่ามันก็จะส่งผลต่อการนอน ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวและทำให้การนอนไม่มีคุณภาพ หากวิธีที่เรากล่าวไปไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น คุณก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ