เด็ก ๆ มักอยากฝึกกีฬาเฉพาะด้านอยู่ลึก ๆ แม้ว่าอาจจะไม่ได้สังเกตก็ตาม พวกเขาอยากเข้าร่วมทีมชื่อดังตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องการฝึกกีฬานั้น ๆ ตลอดทั้งปีและคิดว่าการฝึกกีฬาประเภทอื่นหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลา และก็มีผู้ฝึกสอนหรือหน่วยงานหลายแห่งที่ต้องการจะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเช่นกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญเช่นแพทย์และแม้แต่นักกีฬาอาชีพกลับออกมาเตือนว่าการเล่นกีฬาเฉพาะด้านเร็วเกินไปอาจทำให้ประสบความสำเร็จลดต่ำลงและอาจจะเป็นอันตรายได้
พ่อแม่มักเป็นผู้ที่อยู่ตรงกลาง เวลาไหนที่คุณช่วยสนับสนุนพรสวรรค์ของลูกและเมื่อไรที่คุณจะต้องผลักดันอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาไปให้ถึงฝันที่อาจจะไม่เป็นจริง ? เมื่อไรที่คุณกำลังสนับสนุนความต้องการของลูกและเมื่อไรที่คุณกำลังทำตามแรงกดดันของผู้ฝึกสอนหรือพ่อแม่คนอื่น ๆ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การเล่นกีฬาเฉพาะด้านคืออะไร ?
โดยทั่วไปการเล่นกีฬาเฉพาะด้านนั้นหมายถึงการเล่น (หรือฝึกฝน) กีฬาชนิดเดียวตลอดทั้งปี มีการศึกษาในนักกีฬาเด็กที่ให้เด็กจัดระดับการฝึกกีฬาเฉพาะด้านของตัวเอง โดยแต่ละข้อต่อไปนี้มีคะแนน 1 คะแนนและทั้งหมดมีคะแนนเต็มคือ 6 คะแนน
- ฝึกซ้อมกีฬาเพียงชนิดเดียวมากกว่า 75%
- ฝึกเพื่อพัฒนาทักษะหรือใช้เวลากับเพื่อนน้อยลงเนื่องจากต้องเข้าร่วมการฝึก
- เลิกเล่นกีฬาอย่างอื่นเพื่อเน้นที่กีฬาชนิดเดียว
- คิดว่ากีฬาชนิดเดียวมีความสำคัญมากกว่ากีฬาชนิดอื่น
- เดินทางออกนอกรัฐบ่อย ๆ
- ใช้เวลาฝึกซ้อมมากกว่า 8 เดือนใน 1 ปีหรือเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 6 เดือนใน 1 ปี
ความเสี่ยงของการเล่นกีฬาเฉพาะด้าน
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีคะแนนเฉพาะด้านสูงกว่าจะเกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามากกว่า การบาดเจ็บจากการใช้งานมากเกินไปนั้นเป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ที่ต้องกังวลเมื่อนักกีฬาฝึกฝนกีฬาชนิดเดียว
นอกจากนั้นการฝึกกีฬาเฉพาะด้านอาจจำกัดการพัฒนาด้านการเคลื่อนไหวตามปกติ หากเด็กใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อมฟุตบอล พวกเขาก็จะไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการว่ายน้ำ เล่นวอลเลย์บอล หรือปั่นจักรยาน ผู้เล่นซอฟต์บอลอาจใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกโยนลูกแทนการวิ่งหรือฝึกรับลูก
การเล่นกีฬาเพียงชนิดเดียวยังอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวลและรู้สึกท้อถอยได้ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการฝึกกีฬาเฉพาะด้านเป็นการนำความสนุกออกไปจากการเล่นกีฬา การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sport Behavior รายงานว่ามีผู้ใหญ่วัยรุ่นซึ่งเคยฝึกกีฬาเฉพาะด้านมาก่อนในสมัยเด็กมีแนวโน้มที่จะเล่นกีฬาน้อยลงเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เด็กที่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นกีฬาเพียงอย่างเดียวอาจจะพลาดโอกาสในการลองเล่นกีฬาอื่น ๆ ที่ตัวเองอาจจะชอบเล่นไป เนื่องจากพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลองกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไปมากนัก
สุดท้ายก็คือไม่มีอะไรการันตีได้ว่าการฝึกกีฬาเฉพาะด้านนั้นจะทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนักกีฬาไม่ว่าคุณและลูกของคุณจะต้องผ่านแรงกดดันมากขนาดไหนก็ตาม (หากเขาไม่เล่นกีฬาในทีมที่เดินทางไปแข่งขันที่อื่นในตอนนี้แล้วละก็ เขาก็อาจจะไม่ได้เล่นกีฬาในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและอาจจะไม่ได้ทุนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย)
นายแพทย์ John P. DiFiori ประธานสมาคมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาและแพทย์ประจำทีมนักกีฬาของมหาวิทยาลัย UCLA ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในที่ประชุมสมาคมว่า “จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าความน่าจะเป็นที่จะสามารถเล่นกีฬาได้จนถึงระดับสูงด้วยวิธีการนี้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก นอกเหนือจากกีฬาบางประเภท เช่น ยิมนาสติกที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีอายุน้อย ในความจริงแล้ว การศึกษาบางชิ้นยังพบว่าการฝึกกีฬาเฉพาะด้านเร็วเกินไปนั้นมักจะไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จมากกว่าการเข้าร่วมกีฬาหลายชนิดในวัยเด็กแล้วจึงฝึกกีฬาเฉพาะด้านเมื่อโตขึ้นภายหลัง”
ข้อดีของการฝึกกีฬาเฉพาะด้าน
เมื่อลูกของคุณเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วนั้น การฝึกกีฬาเฉพาะด้านก็จะไม่ได้มีความเสี่ยงมากเหมือนเมื่อก่อนและยังอาจเป็นประโยชน์อีกด้วย การฝึกเฉพาะด้านทำให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะในกีฬานั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี และหากพวกเขาประสบความสำเร็จก็จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับความสามารถของพวกเขา พวกเขาอาจได้เดินทางไปหลาย ๆ ที่และพบเจอกับผู้คนหลายกลุ่ม และแน่นอนบางคนอาจจะได้รับทุนการศึกษาด้านกีฬาหรือสร้างอาชีพให้กับตัวเองในสายนี้ได้ หากลูกของคุณชื่นชอบการเล่นกีฬาอย่างมาก มีความสุขกับการเล่น รู้จักระมัดระวังและลดความเสี่ยงที่จะได้รับการบาดเจ็บ การฝึกกีฬาเฉพาะด้านก็อาจเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เช่นกัน