การเป็นเกลื้อน หรือ เกลื้อนดอกหมาก (Tinea Versicolor) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อรา เป็นได้ทุกเพศทุกวัย ไม่มีอันตราย และไม่ค่อยก่ออาการระคายเคืองแสบคันบนผิวหนัง เพียงแต่จะเห็นรอยโรคเป็นดวงขาวๆ ด่างๆ ไม่สวยงาม ทำให้คนสมัยก่อนเรียกกันว่า เกลื้อนดอกหมาก นั่นเอง
ลักษณะและอาการของโรคเกลื้อน
เกลื้อน สามารถเกิดได้กับผิวหนังทั่วร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณรอยพับ ใบหน้า คอ แขน หลัง และก้น จะพบบ่อยเป็นพิเศษ โดยลักษณะรอยโรคของเกลื้อนเป็นดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เป็นดวงสีขาวหรือน้ำตาล โดยดวงที่เกิดขึ้นอาจมีสีอ่อนหรือเข้มกว่าผิวหนังรอบๆ ก็ได้
- ดวงที่เกิดขึ้นมีขนาดแตกต่างกันไป และอาจเกิดขึ้นทีละหลายๆ ดวง ทำให้บริเวณที่เป็นเกลื้อนลุกลามจนมีขนาดใหญ่
- ผิวหนังส่วนที่เป็นเกลื้อนมักแห้ง ตกสะเก็ด และบางครั้งอาจมีอาการคันแต่ไม่รุนแรง
- ไม่ค่อยพบอาการเจ็บ แสบ หรือระคายเคืองรุนแรง
- เมื่ออากาศร้อนชื้น รอยโรคของเกลื้อนอาจขยายใหญ่ขึ้นได้
สาเหตุของโรคเกลื้อน
เกลื้อนเกิดจากเชื้อรา Malassezia furfur โดยปกติราชนิดนี้ พบได้ตามผิวหนังปกติ แต่หากมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้นอาจทำให้เชื้อราเจริญเติบโตมากเกินไป ก็จะกลายเป็นโรคเกลื้อนได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเกลื้อน ได้แก่
- สภาพอากาศที่ร้อนชื้น
- มีเหงื่อออกมาก ผิวมัน
- สวมใส่เสื้อผ้าที่อับชื้น ไม่ระบายอากาศ
- มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ติดเชื้อ HIV
แม้เกลื้อนจะเป็นโรคติดเชื้อบนผิวหนัง แต่จะไม่ติดต่อไปสู่ผู้อื่น แม้จะมีการสัมผัสรอยโรคโดยตรงก็ตาม เนื่องจากเชื้อรา Malassezia นั้นอาศัยอยู่บนผิวหนังของคนทั่วไปอยู่แล้ว
การรักษาโรคเกลื้อน
- การใช้ยาต้านเชื้อรา
- ชนิดรับประทาน เช่น Fluconazole และ Itraconazole ซึ่งเหมาะกับโรคเกลื้อนที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง โดยต้องรับประทานทานติดต่อกัน 1 - 4 สัปดาห์
- ชนิดทา ที่เป็นรูปแบบครีมหรือเจล เช่น Clotimazole ซึ่งใช้สำหรับทาเฉพาะจุดที่เป็นเกลื้อนวันละ 1 - 2 ครั้ง แต่อาจมีผลข้างเคียง คือ เกิดอาการผิวหนังแสบร้อนได้
- การใช้แชมพูขจัดเชื้อรา
เป็นรูปแบบยาที่ใช้ทาบนผิวหนังที่เป็นเกลื้อนทิ้งไว้ 5 - 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้ติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ จะช่วยกำจัดเชื้อราที่รอยโรคได้ มีผลข้างเคียง คือ อาจทำให้ผิวหนังแสบร้อนระคายเคืองได้
ตัวยาที่ใช้ในแชมพูขจัดเชื้อรา เช่น Ketoconazole เป็นต้น
- การรักษาด้วยสมุนไพร
มีสมุนไพรหลายชนิด ที่มีสรรพคุณช่วยกำจัดเชื้อรา Malassezia และช่วยรักษาโรคเกลื้อน เช่น ข่า ใบชุมเทศ ทองพันชั่ง และกระเทียม
วิธีการใช้ คือ ให้นำหัวข่าแก่มาล้างน้ำ ทุบให้แตกและแช่น้ำมะนาว จากนั้นนำมาทาผิวหนังที่เป็นเกลื้อนวันละ 3 ครั้ง จนกว่าจะหาย
อีกสูตรหนึ่ง คือ ให้นำใบชุมเทศ ทองพันชั่ง และกระเทียม มาตำเข้าด้วยกัน และทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน จะช่วยรักษาเกลื้อนดอกหมากให้หายได้
การป้องกันโรคเกลื้อน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้เหงื่อออกมาก หากมีเหงื่อออกตามร่างกายควรเช็ดให้แห้ง หรืออาบน้ำ ชำระล้างร่างกายไม่ให้มีเหงื่อสะสม
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น อบอ้าว
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นเกินไป
เชื่อว่าหลายๆ คน เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้วคงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเมื่อเป็นเกลื้อนแล้ว สามารถรักษาและป้องกันได้ เพียงเราดูแลทำร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ เลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ ไม่รัดแน่นจนเกินไป ใช้ยาทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน หรือรับคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังหากเป็นเกลื้อนที่ขยายวงกว้างแล้ว