พวกเราส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงน้ำตาลก็มักจะคิดถึงลูกอมหรืออาหารขยะ
อย่างไรก็ตาม ควรเข้าใจก่อนว่าน้ำตาลมักพบได้ในนม ซึ่งรวมถึงนมแม่ ผลไม้ ผัก และอื่นๆ อยู่แล้วตามธรรมชาติ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ชนิดของน้ำตาล
พวกเราส่วนใหญ่เรียนรู้ที่จะจำกัดหรือหลีกเลี่ยงน้ำตาลบางชนิดเช่นน้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง และคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลทั้งหมดได้ และในความเป็นจริงแล้ว หากคุณยังคงรับประทานผลไม้และผักอยู่ ก็จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงน้ำตาลได้ยากมาก
น้ำตาลที่พบบ่อยประกอบด้วย
- กลูโคส – พบในผลไม้หลายชนิดและน้ำเชื่อมข้าวโพด
- ฟรุคโตส – น้ำตาลผลไม้
- ซูโครส – sugar cane, sugar beets (เป็นน้ำตาลที่เกิดจากการรวมน้ำตาลกลูโคสและฟรุคโตส)
- มอลโตส – ข้าวบาร์เลย์ (เกิดจากการรวมน้ำตาลกลูโคส 2 โมเลกุล)
- แลคโตส – น้ำตาลในนม (เกิดจากการรวมน้ำตาลกาแลคโตสและกลูโคส)
น้ำผึ้งซึ่งก็เป็นสารให้ความหวานเช่นเดียวกับน้ำตาลก็ทำมาจากกลูโคสและฟรุคโตส แต่ไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน โดยทั่วไปแล้วมักจะมีน้ำตาลฟรุคโตสมากกว่ากลูโคส ทำให้น้ำผึ้งมีรสหวาน
น้ำตาลที่รับประทานกันทั่วไปเป็นน้ำตาลซูโครส ซึ่งจะถูกเอนไซม์ภายในร่างกายย่อยให้กลายเป็นกลูโคสเช่นเดียวกับน้ำตาลชนิดอื่นๆ
แม้ว่าหลายคนจะชอบบอกว่ามีน้ำตาลหลายชนิดที่ไม่ดีสำหรับคุณ แต่โดยพื้นฐานที่คุณควรรู้ก็คือระหว่างน้ำตาลในธรรมชาติกับการเติมน้ำตาล เพราะเมื่อคุณรับประทานหรือดื่มบางอย่างที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่นั้น ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับน้ำตาลและคุณก็ยังได้รับวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ จากอาหารด้วยเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณดื่มมนมหรือรับประทานส้ม คุณก็ยังได้รับประโยชน์ทางอาหารอื่นๆ ซึ่งไม่เหมือนกับการดื่มโซดาหรือทานลูกอม ซึ่งจะได้รับเพียงแค่น้ำตาลอย่างเดียว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การระบุการเติมน้ำตาล
การระบุปริมาณน้ำตาลที่รับประทานอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย
เพียงแค่ตรวจสอบฉลากข้อมูลโภชนาการและมองหาคำว่าน้ำตาลซึ่งอยู่ใต้คาร์โบไฮเดรตรวม
แต่ข้อมูลนี้ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดได้เนื่องจากไม่ได้มีการแยกระหว่างน้ำตาลจากธรรมชาติและการเติมน้ำตาล ดังนั้นเราจึงต้องทำการตรวจสอบรายการส่วนผสมและมองหาสิ่งที่แสดงว่าอาหารเหล่านี้มีการเติมน้ำตาลเช่นการมีส่วนประกอบต่อไปนี้
- agave nectar
- anhydrous dextrose
- beet sugar
- น้ำตาลทรายแดง
- ผงน้ำตาลในขนม
- corn syrup
- corn syrup solids
- เดกซ์โทรส
- ฟรุคโตส
- น้ำผลไม้เข้มข้น
- high-fructose corn syrup (HFCS)
- น้ำผึ้ง
- invert sugar
- แลคโตส
- malt syrup
- มอลโตส
- maple syrup
- molasses
- nectars (e.g., peach nectar, pear nectar)
- น้ำเชื่อมแพนเค้ก
- น้ำตาลสด
- ซูโครส
- น้ำตาล
- น้ำตาลทรายขาว
กฎใหม่ขององค์การอาหารและยาที่กำลังจะออกมาน่าจะทำให้สามารถมองหาการเติมน้ำตาลเหล่านี้บนฉลากได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีการเพิ่มการระบุปริมาณและเปอร์เซ็นต์ต่อวันของการเติมน้ำตาลในอาหาร
การจำกัดปริมาณน้ำตาล
ตัวน้ำตาลเองไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานหรือสมาธิสั้นหรือหลายๆ โรคตามที่เชื่อกัน แม้ว่ามีหลายคนที่คิดว่าน้ำตาลเป็นสารพิษ แต่หลักๆ แล้วสาเหตุที่ควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพลังงานเพิ่มเติม
น้ำตาลเท่าไหร่จึงจะเรียกว่ามากเกินไป โดยทั่วไป คุณมักจะไม่ได้ต้องการได้รับพลังงานต่อวันจากการเติมน้ำตาลมากกว่า 10% แต่โชคร้ายที่คนส่วนมากได้รับพลังงานจำนวนมากเกินไปและมักจะมาจากการเติมน้ำตาล
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
แต่ควรจำไว้ว่าน้ำตาลเหล่านี้มาจากลูกอม เค้ก เครื่องดื่มผลไม้ โดนัท น้ำอัดลมและอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้เป็นน้ำตาลที่ได้รับมาจากผลไม้ น้ำส้ม โยเกิร์ตหรือนม
ตัวอย่างเช่น อย่าเชื่อข้อความที่บอกว่าโยเกิร์ตอาจมีน้ำตาลปริมาณมากกว่า Twinkie เนื่องจากน้ำตาลในโยเกิร์ตนั้นส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติในน้ำตาลจากนม และน้ำตาลจากการเติมผลไม้ แต่น้ำตาลใน Twinkie เกือบทั้งหมดนั้นมาจากการเติมน้ำตาล
หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาล
คุณสามารถช่วยให้ลูกของคุณหลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลเหล่านี้ได้โดย
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มโซดาหรือน้ำผลไม้
- ดื่มนมสดที่ไม่มีการแต่งรส
- เลือกผลไม้กระป๋องที่แช่ในน้ำเปล่ามากกว่าในน้ำเชื่อมหากไม่ได้รับประทานผลไม้สด
- จำกัดการรับประทานลูกอมและอาหารขยะอื่นๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือควรเรียนรู้การอ่านฉลากอาหาร และมองหาว่ามีการเติมน้ำตาลลงในอาหารที่ลูกของคุณกำลังรับประทานหรือไม่