ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอด (Vaginal thrush) เป็นภาวะติดเชื้อยีสต์ที่ผู้หญิงส่วนมากจะประสบเจอสักช่วงใดช่วงหนึ่งในชีวิต ภาวะนี้สร้างความไม่สบายเนื้อสบายตัวและความกังวลใจ แต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไปหรือจัดจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงบางคนอาจประสบกับการรักษาภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดยากกว่าผู้ป่วยรายอื่น หรือบางคนก็จะประสบกับภาวะนี้ซ้ำ ๆ หลายครั้งก็ได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการของเชื้อราที่ช่องคลอด
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดจะมีอาการทั่วไปดังนี้:
- คันและเจ็บบริเวณรอบปากช่องคลอด
- มีของเสียขับออกจากช่องคลอด: มักจะไม่มีกลิ่นและดูคล้ายของเหลวขาวข้น
- ความเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์จนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายใจที่จะมีเพศสัมพันธ์
- เจ็บแปลบขณะปัสสาวะ
บางครั้งผิวหนังรอบช่องคลอดก็มีอาการแดงหรือบวมได้เช่นกัน อีกทั้งยังอาจมีอาการเจ็บปวดบนผิวหนังก็ได้ กระนั้นอาการนี้ก็มักจะเป็นสัญญาณของโรคเริมที่อวัยวะเพศเสียมากกว่า
คุณควรทำอย่างไรหากประสบกับเชื้อราที่ช่องคลอด
หากคุณเคยประสบกับเชื้อราที่ช่องคลอดมาก่อนและคาดว่าคุณกลับมาเป็นซ้ำ คุณสามารถรักษาได้เองด้วยยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
คุณควรไปขอรับคำแนะนำจากแพทย์หรือไปยังคลินิกสุขภาพทางเพศหากว่า:
- คุณประสบกับเชื้อราเป็นครั้งแรก
- คุณมีอายุต่ำกว่า 16 หรือมากกว่า 60 ปี
- คุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้น้ำนมแก่บุตรอยู่
- คุณมีอาการที่ไม่ปรกติ เช่นมีของเสียมีสีหรือมีกลิ่นแรง หรือมีอาการเจ็บบนผิวหนังรอบช่องคลอด
- คุณมีเลือดออกจากช่องคลอดอย่างผิดปกติ หรือมีความเจ็บปวดบริเวณท้องน้อย
- คุณประสบกับภาวะเชื้อราเช่นนี้สองครั้งภายในช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมา
- คุณมีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราในอดีตไม่ดี หรือไม่ได้ผล
- คุณหรือคู่นอนของคุณเคยมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted infection - STI) และคุณคาดว่าโรคนั้น ๆ กลับมา
- อาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษา 7-14 วัน
ภาวะติดเชื้อราไม่ใช่เป็นภาวะร้ายแรงจนเป็นกังวล แต่แพทย์อาจทำการเก็บตัวอย่างจะช่องคลอดของคุณไปตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเชื้อราก็ได้
แพทย์ยังสามารถแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด และจะทำการจัดจ่ายยาให้ตามความจำเป็น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดรักษาอย่างไร?
ภาวะเชื้อราที่ไม่รุนแรงจะสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อราเป็นคอร์สสั้น ๆ ซึ่งอาการต่าง ๆ ควรจะหายไปในที่สุดภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์
การรักษาอาจต้องดำเนินการนานกว่านั้นหากคุณประสบกับภาวะเชื้อราซ้ำ ๆ
ยารักษาเชื้อราหลายตัววางขายตามร้านขายยา ในขณะที่อีกกลุ่มต้องให้แพทย์เป็นผู้จ่ายให้เท่านั้น
ประเภทของยาที่ใช้กันมีดังนี้:
- ยาเหน็บช่องคลอด: ยาชนิดพิเศษที่ต้องสอดเข้าไปในช่องคลอด
- ครีมทาภายในช่องคลอด: ครีมที่ต้องใช้ภายในช่องคลอดด้วยการใช้อุปกรณ์เฉพาะ
- แคปซูล: ยาทานที่ใช้ได้สะดวกกว่ายาเหน็บหรือครีมทาภายในช่องคลอด แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่น่ารำคาญบ้าง อย่างเช่นอาเจียน หรือปวดท้อง
การรักษาเหล่านี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากัน ทำให้คุณสามารถเลือกการรักษาได้เองตามความสะดวกใจ กระนั้นยาแคปซูลจะไม่แนะนำกับสตรีมีครรภ์หรือคุณแม่ที่ต้องนมบุตร
คุณยังอาจจะได้ครีมที่ใช้ทาผิวหนังรอบปากช่องคลอดเพื่อบรรเทาอาการคันและเจ็บอีกเช่นกัน หรือคุณก็สามารถใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นแทนก็ได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดขึ้น?
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดเกิดจากยีสต์จากกลุ่มของเชื้อราที่เรียกว่า Candida
ผู้หญิงหลายคนจะมีเชื้อรา Candida อยู่ในช่องคลอดโดยที่ไม่มีอาการใด ๆ อยู่แล้ว แต่ภาวะเชื้อราจะเกิดขึ้นหากว่าสมดุลจุลชีพตามธรรมชาติถูกขัดขวางจนทำให้เชื้อรา Candida นี้เพิ่มจำนวนขึ้น
คุณจะมีโอกาสประสบกับภาวะเชื้อรามากขึ้นหากว่า:
- คุณมีอายุตั้งแต่ยี่สิบและสามสิบปี: ภาวะเชื้อราจะไม่ค่อยพบกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือน หรือกลุ่มผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือน
- กำลังตั้งครรภ์
- มีเพศสัมพันธ์ในขณะที่อารมณ์ยังไม่ถูกปลุกเร้าเต็มที่หรือคุณมีความกังวลว่าจะเจ็บขณะทำกิจกรรม: ช่องคลอดที่แห้งและรัดเกินจะทำให้การมีเพศสัมพันธ์ยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดภาวะเชื้อราขึ้น
- กำลังใช้ยาปฏิชีวนะ
- เป็นเบาหวานและไม่ได้ควบคุมโรคอยู่
- มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ยกตัวอย่างเช่นจากภาวะ HIV หรือกำลังรับการรักษาเคมีบำบัดอยู่
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรค STI แต่ก็สามารถถูกกระตุ้นได้จากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะหากคุณไม่ผ่อนคลายและมีช่องคลอดที่แห้งเกิน และปัจจัยเหล่านี้ยังทำให้มีความเสี่ยงส่งต่อโรคไปยังคู่นอนอีกด้วย
การป้องกันภาวะเชื้อราที่ช่องคลอด
หากคุณประสบกับภาวะเชื้อราบ่อยครั้ง คุณสามารถ:
- ใช้น้ำหรือสารเพิ่มความชุ่มชื้นทำความสะอาดผิวหนังแทนสบู่รอบช่องคลอดของตนเอง แต่พยายามเลี่ยงการทำความสะอาดตำแหน่งซ่อนเร้นนั้นมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน
- ทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นชนิดเหนอะกับผิวหนังรอบช่องคลอดหลาย ๆ ครั้งต่อวันเพื่อปกป้องจุดซ่อนเร้น (แต่ต้องพึงจำไว้ว่าสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทนี้ทำให้ประสิทธิผลของถุงยางลดลง)
- เลี่ยงสารก่อความระคายเคืองแก่ผิวหนังต่าง ๆ อย่างเช่นสบู่หอม เจลอาบน้ำ ยาดับกลิ่นช่องคลอด กระดาษชำระเปียก และแป้ง
- เลี่ยงการสวมใส่กางเกงในหรือกางเกงที่แน่นเกินไป: ผู้หญิงบางคนสังเกตว่าการใช้กางเกงชั้นในผ้าไหมที่ออกแบบมาให้กับผู้ป่วยผิวหนังอักเสบและเชื้อรานั้นได้ผลจริง
- หากคุณเป็นเบาหวาน พยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้
- ผู้หญิงบางคนใช้วิธีทานโยเกิร์ตหรืออาหารเสริม probiotic เพื่อป้องกันภาวะเชื้อราที่ช่องคลอด กระนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าการทำเช่นนี้ได้ผลจริงหรือไม่
การรักษาภาวะเชื้อราที่ช่องคลอด
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดสามารถรักษาได้ด้วยยาทั้งจากร้านขายยาและจากแพทย์ หากคุณเคยเป็นเชื้อราที่ช่องคลอดมาก่อน และคาดว่าคุณกลับมาเป็นซ้ำ คุณสามารถรักษาได้ด้วยยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป แต่หากยังไม่เคยเป็นมาก่อน และคาดว่าประสบกับภาวะนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
การใช้ยารักษาเชื้อรา
ภาวะเชื้อราสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อราที่อยู่ในรูปของยาเหน็บ ครีมทาช่องคลอด หรือยาแคปซูล
ยาเหล่านี้มีประสิทธิภาพเท่ากัน ทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณสะดวกใช้การรักษาชนิดไหน
1.ยาเหน็บและครีมทาภายในช่องคลอด
ยาเหน็บคือยาที่ต้องสอดเข้าไปในช่องคลอดด้วยการใช้อุปกรณ์พิเศษ ส่วนครีมทาภายในช่องคลอดคือยาที่ใช้ทาภายในช่องคลอดของคุณ
ยาประเภทนี้ที่ใช้รักษาเชื้อรามี:
- โคลไทรมาโซล: ซื้อได้จากร้านขายยา
- อีโคนาโซล ไมโคนาโซล และเฟนทิโคนาโซล: จัดจ่ายโดยแพทย์
ยาเหน็บที่วางขาย ณ ร้านขายยามักจะถูกกำหนดให้ใช้รายวันเป็นเวลาหนึ่งถึงหกวัน ส่วนครีมทาภายในช่องคลอดมักถูกกำหนดให้ใช้เพียงครั้งเดียว ผลข้างเคียงของยาประเภทนี้คืออาการแสบร้อนเล็กน้อย ผิวแดงขึ้นเล็กน้อย หรืออาการคันเล็กน้อย
การรักษาเหล่านี้อาจทำให้ถุงยางเสียหายได้ ดังนั้นคุณควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้การคุมกำเนิดรูปแบบอื่นระหว่างที่ต้องดำเนินการรักษานี้แทน และต้องเช่นนี้ไปก่อนแม้จะจบการรักษาแล้วห้าวันหลังจากนั้น
2.แคปซูล
หากคุณไม่สะดวกใจจะใช้ยาเหน็บหรือครีมทาช่องคลอด ก็มีตัวเลือกการรักษาด้วยแคปซูลต้านเชื้อราอยู่
ยาประเภทนี้ที่ใช้รักษาเชื้อรามีดังนี้:
- ฟลูโคนาโซล: ซื้อได้จากร้านขายยา
- อิทราโคนาโซล: จัดจ่ายโดยแพทย์
แคปซูลที่หาซื้อได้จากร้านขายยามักจะมาเพียงโดสเดี่ยว ๆ
ผลข้างเคียงของยาประเภทนี้มีทั้งคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องร่วง และปวดศีรษะ
3.ครีมทาผิว
หากผิวหนังรอบปากช่องคลอดของคุณมีอาการปวดหรือคัน คุณสามารถใช้ครีมต้านเชื้อราพร้อมกับการรักษาข้างต้นก็ได้
ครีมที่มีส่วนผสมของโคลไทรมาโซลจะหาซื้อได้จากร้านขายยา โดยในกล่องยังรวมทั้งยาเหน็บต้านเชื้อรา ครีมทาภายในช่องคลอด หรือแคปซูลเช่นกัน
ครีมที่ใช้มักกำหนดให้ทาสองหรือสามครั้งภายในต่อวันเป็นเวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ ผลข้างเคียงของยาประเภทนี้มีทั้งระคายเคืองผิวหนัง แสบ และคันผิว
อีกวิธีคือการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นใกล้กับช่องคลอดเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลข้างเคียงน้อยกว่าครีมต้านเชื้อรา
สารเพิ่มความชุ่มชื้นและครีมต้านเชื้อราบนผิวหนังจะทำให้ผลของถุงยางอนามัยอ่อนลง ดังนั้นคุณควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้การคุมกำเนิดรูปแบบอื่นระหว่างที่ต้องดำเนินการรักษานี้แทน และต้องเช่นนี้ไปก่อนแม้จะจบการรักษาแล้วห้าวันหลังจากนั้น
คู่นอนและเพศสัมพันธ์
ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอดไม่ถูกจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ดังนั้นคู่นอนของคุณจึงไม่จำเป็นต้องรับรู้ ต้องถูกทดสอบ หรือต้องถูกรักษาหากพวกเขาไม่มีอาการอะไรหลังจากมีกิจกรรมทางเพศกับคุณ
อย่างไรก็ตามภาวะนี้ก็มีโอกาสเล็กน้อยที่จะส่งต่อให้คู่นอนได้ ดังนั้นคุณจึงควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้วิธีคุมกำเนิดไประหว่างและหลังการรักษาเชื้อรา
การรักษาบางประเภทจะทำให้ผลของถุงยางอนามัยอ่อนลง ดังนั้นคุณควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้การคุมกำเนิดรูปแบบอื่นระหว่างที่ต้องดำเนินการรักษานี้แทน และต้องเช่นนี้ไปก่อนแม้จะจบการรักษาแล้วห้าวันหลังจากนั้น
หากเชื้อรากลับมาเรื่อย ๆ
ให้คุณปรึกษาแพทย์ทันทีที่คุณประสบกับภาวะเชื้อราซ้ำ ๆ
แพทย์จะจัดการทดสอบเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและตรวจหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราขึ้น อย่างเช่นเบาหวาน เป็นต้น
แพทย์อาจจัดยาให้คุณใช้เมื่อมีอาการของเชื้อรากลับมา หรือแนะนำให้คุณใช้การรักษาระยะยาวที่อาจกินเวลานานกว่าหกเดือน
หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
ให้พบแพทย์ทันทีที่คุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรและประสบกับเชื้อรา
แพทย์อาจแนะนำให้คุณใช้วิธีการรักษาด้วยยาเหน็บหรือครีมทาช่องคลอด เนื่องจากยาแคปซูลจะไม่แนะนำกับคนกลุ่มนี้เนื่องจากยาจะไปก่ออันตรายกับเด็กทารกได้
หากคุณกำลังตั้งครรภ์ พยายามระมัดระวังในขณะที่ใช้อุปกรณ์สอดยาเหน็บหรือทาครีมช่องคลอด เพราะคุณอาจทำให้คอช่องคลอดของคุณบาดเจ็บได้
หากคุณมีอาการคันหรือปวดรอบปากช่องคลอด คุณสามารถใช้ครีมหรือสารเพิ่มความชุ่มชื้นต้านเชื้อราบนผิวหนังรอบช่องคลอดได้แม้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์หรือต้องให้นมบุตรอยู่