ไม่มีการรักษาใดที่จะรักษาโรคลูปัสให้หายขาดได้ แต่การรักษาจะช่วยบรรเทาอาการของโรคให้ดีขึ้น
โรคลูปัสเป็นโรคอักเสบเรื้อรังที่สามารถก่อให้เกิดหลากหลายอาการในส่วนต่างๆทั่วร่างกาย แม้จะยังไม่มีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่เราสามารถจัดการกับอาการของมันได้ด้วยวิธีรักษาหลายๆทางเลือก แผนการรักษาจะขึ้นอยู่กับว่าอาการของผู้ป่วยรุนแรงแค่ไหนและผู้ป่วยได้ประสบกับช่วงกำเริบของโรคเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ (เป็นระยะที่โรคแสดงอาการ) ระยะกำเริบมีตั้งแต่อาการอ่อนๆไปจนถึงรุนแรง เป้าหมายของการรักษาคือเพื่อป้องกันการกำเริบของโรค รักษาอาการที่กำเริบขึ้น และจำกัดหรือลดความเสียหายที่จะเกิดกับอวัยวะหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ยาที่ใช้ในการรักษาโรคลูปัส
ยาทั่วๆไปที่ใช้เพื่อรักษาโรคลูปัส ได้แก่:
ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal Anti-inflammatory drugs หรือ NSAIDs): ใช้รักษาอาการปวด บวม และมีไข้เนื่องจากโรคลูปัส
ยาNSAIDs ที่ขายตามร้านขายยาทั่วๆไป เช่น Advil (ibuprofen,ไอบูโพรเฟน) และ Aleve (นาโพรเซน, naproxen) ส่วนยา NSAIDs ที่แรงกว่านี้จะต้องให้แพทย์สั่งจ่ายยา
ยาต่อต้านมาลาเรีย (antimalarial medicines): ยาประเภทนี้มักจะใช้รักษาโรคมาลาเลียซึ่งอาจช่วยควบคุมอาการของโรคลูปัสได้ เช่น อาการเหนื่อยล้า ปวดข้อ เป็นผื่น และมีแผลในปาก
Plaquenil (hydroxychloroquine) เป็นยาต้านมาลาเรียที่มักจะใช้รักษาโรคลูปัส
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids): ยาประเภทนี้จะช่วยควบคุมอาการอักเสบ แต่อาจส่งผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม ผอมติดกระดูก ความดันโลหิตสูง เป็นเบาหวาน ช้ำง่ายและติดเชื้อ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
Deltasone (prednisone) เป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่แพทยย์มักจะสั่งให้คนไข้โรคลูปัส
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants): ยาพวกนี้จะกดระงับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบที่เกิดจากโรคลูปัส
ยากดภูมิคุ้มกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เกิดความเสียหายที่ตับ และจะกดการทำงานของไขกระดูก (และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย)
ยากดภูมิคุ้มกันทั่วๆไปที่ใช้ ได้แก่ ยา Imuran (อะซาไธโอพรีน/ azathioprine) ยาCytoxan (ไซโคลฟอสฟาไมด์/ cyclophosphamide) CellCept (ไมโคฟีโนเลต/ mycophenolate) ยาArava (เลฟลูโนไมด์/ Leflunomide) ยาSandimmune และ Neoral (ไซโคลสปอริน/ cyclosporine) และTrexall (ยาเมโธเทรกเซท/ methotrexate)
ยาไบโอโลจิกส์ (biologics): biologics เป็นยาชนิดใหม่ ได้รับการรับรองให้ใช้รักษาโรครูห์มาติก (rheumatic diseases) อื่นๆแล้วด้วย เช่น โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) ตัวอย่างยา เช่น ยาRituxan (ริทูซิแมบ/ rituximab) และยา Orencia (abatacept)
ในปี 2011 ยาไบโอโลจิกส์ชื่อ Benlysta (belimumab) ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาให้เป็นยารักษาโรคลูปัสในบางเคสแล้ว เป็นยาชนิดใหม่ตัวแรกที่ได้รับการรับรองให้เป็นยารักษาโรคลูปัสตั้งแต่ปี 1955
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขณะนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาใหม่ๆ เช่น การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์และการสร้างภูมิคุ้มกัน (การรักษาที่ใช้ยาประสิทธิภาพสูงเพื่อกำจัดระบบภูมิคุ้มกันที่เสียหายหรือบกพร่อง) เป็นต้น เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคลูปัส
การแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine)
การรักษาทางเลือกที่ใช้รักษาโรคลูปัส เช่น:
- ทานอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามิน D หรืออาหารเสริม DHEA (dehydroepiandrosterone)
- การรักษาแบบไคโรแพรคติค (Chiropractic)
- การเล่นโยคะ
- การนวด
- การฝังเข็ม (Acupuncture)
- การทำสมาธิ
ผู้ป่วยโรคลูปัสบางคนรายงานว่าพวกเขามีอาการดีขึ้นเมื่อเลือกรักษาแบบทางเลือก แต่ก็ไม่มีงานวิจัยใดที่พิสูจน์ว่าวิธีเหล่านี้ใช้ได้ผลจริงๆ ฉะนั้น เพื่อให้แน่ใจคุณควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณก่อนที่จะใช้วิธีรักษาแบบทางเลือก อย่าหยุดหรือเปลี่ยนวิธีรักษาด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด
อาหารสำหรับคนเป็นโรคลูปัส
ถึงแม้จะมีคำแนะนำต่างๆมากมายในอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังไม่มีอาหารใดๆที่จะเป็นอาหารมาตรฐานสำหรับคนที่เป็นโรคลูปัสโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้น แพทย์ส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพย่อมจะส่งผลดีต่อตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยอาจต้องหันมาทานผลไม้สด ผัก ธัญพืช และเนื้อติดมัน หลีกเลี่ยงการบริโภคกระเทียมและต้นอ่อนอัลฟัลฟา (alfalfa sprout) หากคุณเป็นโรคลูปัส เพราะบางคนก็รายงานว่าอาการของพวกเขาแย่ลงเมื่อพวกเขาทานอาหารเหล่านี้ หากคุณใช้ยา คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) แพทย์อาจให้คุณจำกัดปริมาณการบริโภคไขมันและเกลือ และให้เพิ่มการบริโภคแคลเซียมมากขึ้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม และผักใบเขียวเข้ม อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงจะช่วยลดอาการอักเสบได้ ซึ่งประกอบด้วย ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล เมล็ด flaxseeds และเมล็ดเจีย (chia seeds) แอลกอฮอล์อาจไปทำปฏิกิริยากับยารักษาโรคลูปัสบางชนิด ผู้ป่วยจึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถดื่มได้เท่าไหร่จึงจะไม่เป็นอันตราย
การใช้ชีวิตอยู่กับโรคลูปัส
ผู้ป่วยโรคลูปัสส่วนใหญ่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ แต่อาจจะต้องลดระดับลงหากอาการไม่ดี
ตัวผู้ป่วยเองอาจช่วยป้องกันไม่ให้อาการโรคกำเริบและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองด้วยการ:
- ไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- ลดความเครียดที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องคิดเยอะนั่นเอง
อายุคาดเฉลี่ย (Life Expectancy) ของคนเป็นโรคลูปัส
ตามข้อมูลจาก Lupus Foundation of America กล่าวว่า ระหว่าง 80 - 90% ของผู้ป่วยโรคลูปัสที่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติตลอดชีวิต โรคลูปัสอาจอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้ก็มีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพด้วย ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการทำนายโรคลูปัส ได้แก่:
เพศ: เพศชายมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคลูปัสที่รุนแรงกว่าเพศหญิง
จากการศึกษาพบว่า ผู้ชายมีโอกาสที่จะได้รับความเสียหายที่ไตและมีแนวโน้มของโรคลูปัสกำเริบไวกว่าผู้หญิง
อายุ: สำหรับคนที่เป็นโรคลูปัสครั้งแรกก่อนมีอายุ 16 ปี พวกเขามีโอกาสสูงที่โรคลูปัสจะส่งผลต่อระบบประสาทและไต
มีแนวโน้มว่าผู้ป่วยที่มีอาการโรคลูปัสเป็นครั้งแรกหลังจากอายุ 50 ปีจะมีอาการแย่ลง
เชื้อชาติ: คนเชื้อชาติฮิสแปนิก (Hispaic) เอเชีย และแอฟริกัน จะเป็นโรคลูปัสมากกว่าและมีแนวโน้มว่าอาการจะแย่มากกว่าคนผิวขาว
ซึ่งการเป็นโรคลูปัสที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเชื้อชาติดังกล่าวอาจเป็นเพราะพันธุกรรม แต่การทำนายอาการของโรคบางส่วนอาจเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเข้าถึงการดูแลสุขภาพ