ภาวะสติแตกคืออะไร?
ภาวะสติแตกนั้นไม่ใช่ศัพท์อย่างเป็นทางการทางการแพทย์หรือเป็นโรคทางจิตเวช แต่มักจะแสดงถึงอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า โดยให้คำนิยามว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากมีความเครียดที่มากเกินไป ภาวะนี้มีอาการเตือนทั้งทางกาย จิต และอารมณ์หลายอย่าง แต่มันก็อาจจะไม่ชัดเจนอย่างที่คุณคิด ควรลองให้ความใส่ใจกับอาการเหล่านี้โดยเฉพาะหากคุณมีอาการนานหลายวัน และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นเพื่อคุณจะได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นและรู้สึกดีขึ้น
คุณไม่มีสมาธิ
ในระยะสั้น ความเครียดนั้นจะกระตุ้นการทำงานของสมองโดยการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของความจำและการมีสมาธิ แต่การมีความเครียดเรื้อรังนั้นจะทำให้คุณไม่มีสมาธิและส่งผลต่อความสามารถในการทำงาน หรือเวลาขับรถ ในรายที่มีอาการรุนแรง การหลั่งฮอร์โมน cortisol นั้นอาจจะทำให้ความจำของคุณแย่ลงได้
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณไม่สามารถหยุดกินได้
ความเครียดนั้นจะทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนซึ่งรวมถึงอะดรีนาลินซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้ออยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่ออะดรีนาลินนั้นหมดไป cortisol ก็จะบอกให้ร่างกายเติมพลังงานที่เสียไปด้วยการรับประทานอาหาร ปัญหาก็คือเวลาที่คุณเครียดจากสาเหตุที่ไม่ได้ทำให้คุณต้องมีกิจกรรมทางกายมาก (เช่นวิ่งหนีเสือ) คุณก็จะเกิดการทานอาหารแม้แต่ในเวลาที่คุณไม่ได้จำเป็นต้องรับประทาน อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงจะยิ่งเพิ่มสารเคมีในสมองเพื่อหลอกให้คุณรู้สึกดีขึ้นช่วยคราว (นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยากทานไอศกรีมหลังจากผ่านเรื่องราวที่ไม่ดีมา) งานวิจัยพบว่าผู้ใหญ่กว่า 40% นั้นมีการจัดการกับความเครียดด้วยการกิน
มวนท้อง
อาการปวดท้องนั้นมักจะเป็นอาการทางกายที่แสดงถึงความเครียดและความกังวล แต่ถ้าหากคุณมีอาการปวดท้องร่วมกับท้องผูก ท้องอืด มีแก๊ซและท้องเสีย คุณอาจจะเป็นโรคลำไส้แปรปรวนซึ่งก็มีความเกี่ยวข้องกับอาการวิตกกังวล โรคนี้อาจจะถูกกระตุ้นจากระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อความเครียด ถึงแม้ว่ายังจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไก งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้ระหว่ง 50-90% มีภาวะทางจิตเวชร่วามด้วยเช่นโรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้า หากคุณคิดว่าคุณอาจจะเป็นภาวะนี้ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีในการรักษาทั้งทางกายและทางอารมณ์
เลิกสนใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเอง
คุณอาจจะทำกาแฟหกก่อนไปทำงานแต่ก็ไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก หรืออาจจะใส่ชุดที่แปลกประหลาดออกจากบ้าน คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองก็แค่ขี้เกียจ แต่ถ้าหากมีอาการเรื้อรังมันอาจจะหมายถึงปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นเช่นภาวะสติแตก ความเครียดจะเข้าควบคุมทั้งใจและร่างกาย ทำให้ระบบพลังงานของคุณลดลงและมักจะเกิดร่วมกับการไม่ใส่ใจสิ่งต่างๆ เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น คุณก็จะเริ่มไม่มีความสุข หรือขาดแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมที่คุณเคยชื่นชอบเช่นการแต่งตัวไปทำงาน แพทย์ยังกล่าวว่าการดูแลการแต่งตัวให้ดูดีนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางจิต
คุณเริ่มเดินตัวงอ
ผู้ที่เดินตัวงอนั้นมักจะต้องใช้พลังงานมากกว่าในขณะที่การเดินตัวตรงนั้นจะเพิ่มพลังงาน ผู้ที่มีอารมณ์เศร้านั้นมักจะมีอารมณ์ที่แย่ลงเมื่อเดินตัวงอ การที่คุณมีบุคลิกภาพไม่ดีนั้นอาจจะเป็นอาการที่แสดงถึงอารมณ์ซึมเศร้า ลองใส่ใจกับท่านั่งเวลาทำงาน พยายามนั่งหลังตรง มันจะช่วยให้คุณดูดีและลดความเศร้าได้และอาจจะช่วยลดการเกิดภาวะสติแตก
จมูกของคุณได้กลิ่นผิดปกติ
หากคุณเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ คุณอาจจะต้องเริ่มตรวจสอบระดับความเครียดในตัวคุณ งานวิจัยหนึ่งพบว่ายิ่งได้กลิ่นแรงขึ้น ก็จะสัมพันธ์กับการมีความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น คุณควรจะกำจัดกลิ่นรุนแรงเหล่านั้นออกจากบ้านหรือใช้สเปรย์ดับกลิ่น
คุณเชื่อว่าอะไรบางอย่างที่ไม่ดีนั้นกำลังจะเกิดขึ้น
คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอะไรบางอย่างตลอดเวลาแต่ไม่รู้ว่าอะไรหรือไม่? การมีความเครียดที่มากเกินไปอาจทำให้ความกังวลตามปกตินั้นรุนแรงกว่าเดิมและกระตุ้นให้เกิดภาวะสติแตกได้ อาการวิตกกังวลอย่างรุนแรงนั้นอาจจะเป็นอาการหนึ่งของโรคจิตเวชที่อาจจะยังไม่ได้รับการวินิจฉัย โดยเฉพาะหากคุณเริ่มกลัวเกี่ยวกับชีวิตการทำงานและสังคม (ซึ่งแตกต่างจากความเครียดและวิตกกังวลทั่วไป) คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่ามียาหรือการรักษาอะไรที่สามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง