ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease - NAFLD) เป็นคำเรียกภาวะต่าง ๆ ที่เกิดจากไขมันที่อยู่ในอวัยวะตับ และมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักร่างกายมากเกิน
ตับที่สุขภาพดีจะไม่มีไขมันเกาะอยู่หรือมีอยู่น้อยมาก ๆ และ NAFLD ระยะต้น ๆ จะไม่ก่ออันตรายใด ๆ แต่หาก NAFLD รุนแรงขึ้นอาจจะนำไปสู่ภาวะร้ายแรงอื่นได้ เช่นภาวะตับแข็ง (cirrhosis) ระดับไขมันที่สูงขึ้นที่ตับจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ภาวะเบาหวาน (diabetes) หัวใจวาย (heart attacks) และภาวะหลอดเลือดสมอง (strokes)
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%
ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่
หากภาวะไขมันพอกตับถูกตรวจพบและจัดการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะสามารถยับยั้งการทรุดลงของ NAFLD และลดปริมาณไขมันในตับได้
ระยะของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์มีอยู่ 4 ระยะหลัก ๆ โดยผู้ป่วยส่วนมากจะประสบกับเพียงระยะแรกเท่านั้นและมักไม่รู้สึกตัวว่าตนเองป่วยเป็น NAFLD ในจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้เล็กน้อยจะมีระยะลุกลามออกไปจนสร้างความเสียหายแก่ตับในที่สุด
ระยะทั้งสี่ของ NAFLD มีดังนี้:
- simple fatty liver (steatosis): มีไขมันที่ไม่เป็นอันตรายปริมาณมากสะสมอยู่ในเซลล์ตับ ซึ่งสามารถวินิจฉัยพบได้จากการทดสอบหาภาวะสุขภาพอื่น ๆ
- non-alcoholic steatohepatitis (NASH): เป็นรูปแบบของ NAFLD ที่ร้ายแรงมากขึ้น ที่ซึ่งตับเกิดการอักเสบขึ้นมา
- fibrosis: ที่ซึ่งการอักเสบได้ทำให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็นรอบตับและใกล้กับหลอดเลือดมาก แต่ตับยังคงทำงานได้ตามปรกติอยู่
- cirrhosis: ระยะรุนแรงที่เกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อมานานแรมปี ที่ซึ่งตับหดลงและมีบาดแผลกับตะปุ่มตะป่ำมากขึ้น ความเสียหายจากระยะนี้จะเกิดขึ้นถาวรและนำไปสู่ภาวะตับล้มเหลวและมะเร็งตับในที่สุด
ภาวะ fibrosis หรือ cirrhosis ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่ภาวะเหล่านี้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายมีมากขึ้น
คุณมีความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์หรือไม่?
คุณจะมีความเสี่ยงต่อ NAFLD มากขึ้นหากว่า: คุณมีภาวะอ้วน (obese) หรือมีน้ำหนักร่างกายมากขึ้น: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีไขมันรอบเอวเยอะมาก คุณเป็นเบาหวานประเภท 2 คุณมีภาวะความดันโลหิตสูง (high blood pressure) คุณมีระดับคอเลสเตอรอลสูง คุณมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป คุณสูบบุหรี่
อย่างไรก็ตาม ก็ยังสามารถวินิจฉัยเจอ NAFLD ในกลุ่มคนที่ไม่เข้าข่ายปัจจัยเสี่ยงข้างต้นได้ด้วย เช่นเด็กเล็ก เป็นต้น และแม้ว่าภาวะนี้จะคล้ายกับโรคตับจากแอลกอฮอล์ (alcohol-related liver disease - ARLD) ภาวะ NAFLD กลับไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%
ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่
อาการของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
NAFLD ระยะแรก ๆ มักจะไม่แสดงอาการใด ๆ คุณอาจไม่รู้ตัวว่าตนเองป่วยก็ได้นอกจากว่าแพทย์จะวินิจฉัยพบโรคนี้ระหว่างการตรวจร่างกายเนื่องจากเหตุผลอื่น ๆ
โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วย NAFLD ในระยะ fibrosis ขึ้นไป (ระยะลุกลามของโรค) อาจประสบกับ: อาการปวดตื้อหรือปวดเมื่อย ณ ส่วนบนขวาของหน้าท้อง (ตำแหน่งใต้ซี่โครงด้านขวา) เหน็ดเหนื่อยรุนแรง น้ำหนักลดโดยหาสาเหตุไม่ได้ อ่อนแรง
หากคุณเป็นระยะ cirrhosis (ระยะลุกลามร้ายแรงของโรค) คุณอาจมีอาการต่าง ๆ รุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงผิวหนังและตาขาวออกเป็นสีเหลือง (ดีซ่าน) คันผิวหนัง และขา ข้อเท้า เท้า หรือท้องบวมตามมา
สามารถทำการวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ได้อย่างไร?
NAFLD มักถูกวินิจฉัยได้จากการตรวจเลือดที่เรียกว่าการตรวจการทำงานของตับที่แสดงผลผิดปรกติออกมา อย่างไรก็ตามการตรวจเลือดก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่ใช้ตรวจหาโรค NAFLD เพียงวิธีเดียว
ภาวะนี้อาจถูกตรวจพบระหว่างการอัลตราซาวด์ช่องท้องได้ด้วย โดยการสแกนประเภทนี้จะเป็นการใช้คลื่นเสียงสร้างภาพภายในร่างกายออกมา
หากคุณถูกวินิจฉัยว่าเป็น NAFLD จะมีการทดสอบเพิ่มเติมขึ้นเพื่อบ่งชี้ถึงระยะของโรค ซึ่งอาจต้องดำเนินการตรวจเลือดพิเศษหรือเข้ารับการสแกนอัลตราซาวด์อีกประเภท (Fibroscan) โดยผู้ป่วยบางรายอาจต้องถูกเก็บตัวอย่างตับ (ด้วยกระบวนการเจาะตรวจชิ้นเนื้อ) เพื่อนำตัวอย่างไปตรวจในห้องปฏิบัติการณ์อีกที
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%
ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่
การรักษาภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
ผู้ป่วย NAFLD มักไม่ประสบอาการใด ๆ แต่หากคุณถูกวินิจฉัยว่าเป็นภาวะนี้ สิ่งที่ควรทำคือการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการทรุดลงของโรค
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษา NAFLD แต่การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตจะช่วยให้ภาวะต่าง ๆ หรือภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ NAFLD ดีขึ้น (เช่นภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน และคอเลสเตอรอล)
คุณมักถูกแนะนำให้คุณเข้าพบแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสอบการทำงานของตับ และเพื่อเฝ้าระวังสัญญาณของปัญหาใหม่ต่าง ๆ
อาหารและวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ
การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเป็นวิธีจัดการกับ NAFLD ที่ดีที่สุด เช่น:
- ลดน้ำหนัก: ควรตั้งเป้าให้ลดน้ำหนักตรงตามเกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) ที่ดี (หรืออยู่ที่ประมาณ 18.5-24.9) การลดน้ำหนักลงมากกว่า 10% ของน้ำหนักเดิมจะกำจัดไขมันออกจากตับและช่วยให้อาการของ NASH ดีขึ้น
- ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: พยายามทานผัก ผลไม้ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตให้สมดุล และลดปริมาณไขมัน เกลือ และน้ำตาลลง อีกทั้งการทานอาหารมื้อเล็ก ๆ จะช่วยทำให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ: ตั้งเป้าให้คุณออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีด้วยกิจกรรมความเข้มข้นปานกลางเช่นการเดินหรือปั่นจักรยาน โดยการออกกำลังกายทุกประเภทสามารถช่วยให้ NAFLD ดีขึ้นแม้จะไม่เป็นการลดน้ำหนักลงก็ตาม
- เลิกบุหรี่: หากคุณสูบบุหรี่โอกาสต่อปัญหาด้านหัวใจและหลอดเลือดสมองจะเพิ่มมากขึ้น
NAFLD ไม่ได้เกิดมาจากแอลกอฮอล์ แต่การดื่มสุราก็สามารถทำให้ภาวะนี้ทรุดลงได้ ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้คุณเลิกหรือลดปริมาณการดื่มเสีย
การใช้ยา
ณ ขณะนี้ยังไม่มียาใดที่สามารถรักษา NAFLD ได้ แต่การใช้ยาต่าง ๆ ก็ยังช่วยในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะนี้ได้
ยกตัวอย่างเช่นแพทย์แนะนำให้คุณใช้ยารักษาภาวะความดันโลหิตสูง เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลที่สูงลง เพื่อรักษาเบาหวานประเภท 2 และ/หรือรักษาภาวะอ้วน
การปลูกถ่ายตับ
หากคุณเริ่มมีอาการจากระยะ cirrhosis รุนแรงและตับของคุณหยุดทำงานลง คุณจำต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับเพื่อรักษา
สำหรับผู้ใหญ่ ระยะเวลารอรับการปลูกถ่ายตับคือ 145 วันโดยเฉลี่ย (รอรับจากผู้บริจาคที่เสียชีวิต)
อีกวิธีปลูกถ่ายคือการใช้ชิ้นส่วนของตับจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต เพราะว่าตับเป็นอวัยวะที่ฟื้นฟูตัวเองได้ ทั้งตับที่ถูกตัดชิ้นส่วนและชิ้นส่วนที่นำเข้าไปยังร่างกายผู้อื่นจะสามารถเติบโตกลับไปสู่ขนาดปกติได้