โรคตากุ้งยิง คือการพบก้อนนูนสีแดงบริเวณขอบเปลือกตาและมีอาการเจ็บปวดร่วมอยู่ด้วย โดยทั่วไปแล้วก้อนนูนนี้จะเกิดขึ้นตรงรอยต่อของขนตากับเปลือกตาพอดี มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการอุดตันในต่อมน้ำมันของเปลือกตา
โรคตากุ้งยิงสามารถหายได้เอง และมักไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา แต่หากพบว่าอาการตากุ้งยิงเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ตอบสนองต่อการรักษาหรือเริ่มรบกวนการมองเห็น ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตากุ้งยิงหรือก้อนบริเวณเปลือกตา สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ตามลักษณะของการเกิด ดังนี้
- ตากุ้งยิง (Hordeolum) : เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปสัมผัสกับต่อมน้ำมันในเปลือกตา มีลักษณะเป็นตุ่มนูนกลมๆ สีแดงปรากฏใกล้กับขนตา อาจทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อเอามือไปกด หรือเมื่อกระพริบตา ในบางรายอาจพบว่าดวงตาไวต่อแสงมากขึ้น หรือมีน้ำตาไหลบ่อย กุ้งยิงชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันหลายก้อนในครั้งเดียว
- ตากุ้งยิงชนิดไม่เจ็บ (Chalazion) : เป็นรอยโรคอักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อต่อมผลิตน้ำมัน หรือต่อมน้ำตาภายในเปลือกตาอุดตันขึ้น กุ้งยิงชนิดดังกล่าวมักจะกินขอบเขตเข้าไปบนเปลือกตามากกว่ากุ้งยิงขอบเปลือกตา ปกติแล้วกุ้งยิงประเภทนี้จะไม่ค่อยทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่จะรบกวนการมองเห็นแทน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าก้อนเนื้อจะมีขนาดใหญ่เพียงใด
- ตุ่มไขมันที่เปลือกตา (Xanthelasma) : มีลักษณะเป็นก้อนสีเหลือง เกิดขึ้นจากการมีไขมันบางชนิดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง สามารถพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และอาจบ่งชี้ได้ว่ามีคอเลสเตอรอลในร่างกายสูง
อาการของตากุ้งยิง
นอกจากการพบก้อนสีแดงเกิดขึ้นตามขอบของเปลือกตาแล้ว ผู้ที่เป็นตากุ้งยิงมักจะมีอาการ ตาแดงช้ำ น้ำตาไหลง่าย รู้สึกเหมือนมีฝุ่นเข้าตาตลอดเวลา คันตา ตาไวต่อแสง ร่วมอยู่ด้วย
แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงและไม่เป็นอันตราย แต่หากพบอาการแทรกซ้อนต่อไปนี้ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
- มีปัญหาในการมองเห็น
- น้ำตาไหลมาก
- มีของเหลวอื่นไหลออกจากดวงตา
- ตาขาวเปลี่ยนสีชัดเจน
- ปวดตาแม้อยู่ในที่แสงน้อย
- เปลือกตามีเลือดออก หรือมีขนาดก้อนนูนใหญ่ขึ้น
- มีอาการเจ็บปวดมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- เปลือกตามีลักษณะเป็นเกล็ด ตกสะเก็ด มีตุ่มน้ำพอง หรือแดงจัดซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อ
สาเหตุของตากุ้งยิง
ตากุ้งยิงที่ขอบเปลือกตามักเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเข้าสู่ต่อมไขมันที่เปลือกตาจนทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเชื้อ Staphylococcus aureus ส่วนตากุ้งยิงภายในสามารถเกิดขึ้นจากต่อมไขมันในเปลือกตาอุดตัน
การรักษาตากุ้งยิง
หากพบว่าอาการตากุ้งยิงที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็ก หรือมีอาการไม่รุนแรงมาก สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่บีบหรือเจาะก้อนนูนให้แตกออก เพราะการกระทำดังกล่าวสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและยังสามารถแพร่เชื้อแบคทีเรียไปยังดวงตาได้โดยตรง
- ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา 10 นาทีอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน ความร้อนและแรงอัดสามารถช่วยระบายให้กุ้งยิงหลุดออกจากการอุดตันในต่อมน้ำมัน และช่วยให้หายเร็วขึ้น
หากก้อนนูนมีขนาดใหญ่ขึ้นจนรบกวนการมองเห็น แพทย์อาจต้องเจาะเพื่อระบายของเหลวที่ติดเชื้อออก เพื่อทำให้อาการดีขึ้น หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการตากุ้งยิงบ่อยครั้ง และอาการไม่หายไปหลังดูแลตัวเอง ก็อาจจำเป็นจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้ยาปฏิชีวนะชนิดครีมป้ายตาตามที่แพทย์สั่ง
โดยปกติแล้ว กุ้งยิงขอบเปลือกตาจะหายไปเองหลังจากมีการระบายของเหลวออกจากตุ่มนูน ซึ่งมักใช้เวลา 2-3 วันไปจนถึง 1 สัปดาห์ แต่หากไม่ได้ระบายของเหลวออก อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์จนถึง 1 เดือน
การป้องกันโรคตากุ้งยิง
การป้องกันโรคตากุ้งยิง สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการล้างมือเป็นประจำ ไม่สัมผัสหรือขยี้ดวงตาเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ดวงตา หากรู้สึกเคืองตา ให้เริ่มประคบอุ่นบนเปลือกตาทันทีที่รู้สึกระคายเคือง