การออกกำลังกายเป็นประจำและการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ถือเป็นข้อแนะนำสำหรับคนทุกคนไม่เพียงแต่ผู้ป่วยโรคลมชักเท่านั้น เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็งหลายๆ ชนิด
แนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีความหลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างพอเพียง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ช่วยผ่อนคลายความเครียดและลดอาการอ่อนเพลียได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการชักได้ รวมถึงอาจเกิดปฏิริยาระหว่างแอลกอฮอล์กับยากันชักที่รับประทานอยู่ได้ ยากันชักสามารถทำให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แรงขึ้น ในขณะที่แอลกอฮอล์สามารถทำให้ผลข้างเคียงจากยากันชักแย่ลงและทำให้ยากันชักมีประสิทธิภาพลดลงได้
การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักจะสัมพันธ์กับการขัดขวางรูปแบบการนอนตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจส่งผลเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการชักได้ ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ไม่มากเกินไปกว่าปริมาณขีดจำกัดที่แนะนำต่อวันอาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้
ปริมาณแอลกอฮอล์ที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ ไม่เกิน 3-4 หน่วยสำหรับผู้ชาย และ 2-3 หน่วยสำหรับผู้หญิง โดย 1 หน่วยแอลกอฮอล์เทียบเท่ากับประมาณครึ่งไพน์ของเบียร์ความแรงปกติ
ผู้หญิงกับโรคลมชัก
มีแง่มุมเกี่ยวกับโรคลมชักและการรักษาโรคลมชักที่ผู้ป่วยผู้หญิงจำเป็นต้องตระหนักถึงเป็นพิเศษดังนี้
การคุมกำเนิด
ยากันชักบางชนิดจะส่งผลประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดบางชนิด ได้แก่:
- ยาฉีดคุมกำเนิด
- ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
- ยาคุมกำเนิดรับประทานชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptive pill)
- ยาคุมกำเนิดรับประทานชนิดมีแต่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone-only pill)
- ยาฝังคุมกำเนิด
หากคุณยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์แต่ยังไม่ได้วางแผนที่จะตั้งครรภ์ แนะนำให้สอบถามแพทย์ที่ดูแลรักษาคุณว่ายากันชักที่รับประทานนั้นส่งผลต่อการคุมกำเนิดที่คุณกำลังใช้อย่างไรบ้าง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คุณอาจจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าคุณหรือคู่ของคุณเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดวิธีการอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือการใช้ห่วงคุมกำเนิด (intrauterine device (IUD))
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของยากันชักที่ชื่อว่า ลาโมไทรจีน (lamotrigine) อาจมีประสิทธิภาพลดลงหากคุณใช้ยาคุมกำเนิดรับประทานชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptive pill)
ยากันชักบางชนิดยังส่งผลลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินด้วย หากคุณจำเป็นต้องใช้การคุมกำเนิดฉุกเฉิน คุณอาจจำเป็นต้องใช้ห่วงคุมกำเนิด ซึ่งแพทย์ที่ดูแลคุณ แพทย์ด้านวางแผนครอบครัว หรือเภสัชกร สามารถให้คำแนะนำกับคุณได้
การตั้งครรภ์
ไม่มีเหตุผลว่าทำไมหญิงตั้งครรภ์จะไม่สามารถตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดีได้ อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้มีการวางแผนตั้งครรภ์เป็นการล่วงหน้า เพราะหากตั้งครรภ์ขณะเป็นโรคลมชักจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าปกติเล็กน้อย หากคุณมีการวางแผนการตั้งครรภ์ไว้ล่วงหน้า ความเสี่ยงดังกล่าวจะลดลง
ความเสี่ยงสำคัญก็คือยากันชักบางชนิดมีข้อมูลว่าเพิ่มโอกาสของการเกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ เช่น กระดูกสันหลังโหว่ (spina bifida), ปากแหว่ง หรือเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด (congenital heart disease) โดยความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับชนิดของยากันชักและขนาดยาที่รับประทาน
หากคุณกำลังวางแผนที่จะตั้งครรภ์ แนะนำให้ขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลมชัก ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนชนิดของยากันชักที่รับประทานเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การรับประทานกรดโฟลิก 5 มิลลิกรัมต่อวันสามารถลดความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในครรภ์
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากคุณพบว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ระหว่างเป็นโรคลมชักโดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ขอแนะนำว่าอย่าหยุดรับประทานยากันชัก เพราะความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากอาการชักที่ควบคุมไม่ได้มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากยา
ในกรณีให้นมบุตรพบว่ายากันชักไม่มีความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการให้นมบุตร
เด็กกับโรคลมชัก
เด็กจำนวนมากที่สามารถควบคุมอาการชักได้เป็นอย่างดีสามารถเข้าเรียนหนังสือและเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนได้ตามปกติโดยไม่ได้รับผลกระทบจากโรคลมชัก สำหรับเด็กที่ไม่สามารถควบคุมอาการชักได้ดีอาจจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียน
คุณต้องมั่นใจว่าคุณครูที่ดูแลบุตรหลานของคุณที่เป็นโรคลมชักมีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้และทราบถึงยาที่เด็กจำเป็นต้องใช้เพื่อควบคุมอาการ
โรคลมชักพบได้บ่อยในเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้และจำเป็นต้องได้รับการศึกษาพิเศษ เด็กเหล่านี้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือพิเศษในการเอาชนะกับความยากลำบากของพวกเขา ในแต่ละโรงเรียนควรมีคุณครูอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบสำหรับเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลด้านการศึกษาเป็นพิเศษ ซึ่งโรงเรียนควรปฏิบัติอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการศึกษาเป็นพิเศษสำหรับเด็กกลุ่มนี้ และบางครั้งอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกโรงเรียนด้วย
การพูดคุยกับผู้อื่น
หากคุณมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับโรคลมชัก แพทย์หรือพยาบาลอาจให้คำแนะนำกับคุณได้ คุณอาจพบว่าการพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือผู้ให้คำปรึกษาที่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นประโยชน์กับคุณ
บางคนพบว่าการพูดคุยกับคนอื่นที่เป็นโรคลมชักถือว่าเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยทั่วไป หรือแม้กระทั่งในอินเตอร์เน็ต (social network)
การขับรถ
แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้ป่วยโรคลมชักสามารถขับรถได้หรือไม่ เนื่องจากอาการชักขณะขับรถอาจทำให้เกิดอันตรายสูงต่อชีวิตทั้งตนเองและผู้อื่น โดย
- ผู้ที่ขับขี่รถส่วนบุคคล ที่มีอาการชักแบบไม่รู้สติ หรือสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายต้องหยุดขับรถทันที และจะสามารถกลับมาขับรถได้อีกครั้ง เมื่อสามารถควบคุมอาการชักได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี
- ผู้ที่ขับรถสาธารณะ ที่มีอาการชักแบบไม่รู้สติ หรือสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายต้องหยุดขับรถทันที และจะสามารถกลับมาขับรถได้อีกครั้ง เมื่อสามารถควบคุมอาการชักได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี
ทั้งนี้การจะกลับมาขับรถได้อีกครั้ง ต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณายืนยันว่าคุณสามารถกลับมาขับรถได้อย่างปลอดภัยก่อนเสมอ
การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุในผู้ป่วยโรคลมชัก (Sudden unexpected death in epilepsy (SUDEP))
เมื่อผู้ป่วยโรคลมชักเสียชีวิตโดยไม่มีสาเหตุ เราเรียกภาวะนี้ว่า sudden unexpected death in epilepsy (SUDEP)
แม้ว่าความเสี่ยงของการเกิดภาวะนี้ในผู้ป่วยโรคลมชักจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ในประเทศสหราชอาณาจักรพบการเสียชีวิตจากภาวะนี้อยู่ระหว่าง 500-1,000 รายทุกๆ ปี
สาเหตุที่แน่ชัดของการเสียชีวิตจากภาวะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับใคร ทฤษฎีหนึ่งก็คืออาการชักจะส่งผลกระทบต่อการหายใจและการเต้นของหัวใจของผู้ที่มีอาการชัก
สิ่งที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุในผู้ป่วยโรคลมชัก ได้แก่:
- มีอาการชักที่ทำให้หมดสติ และร่างกายแข็ง และเริ่มมีอาการกระตุก (อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว หรือ tonic-clonic seizures)
- โรคลมชักที่ควบคุมอาการไม่ดี เช่น ไม่ได้รับประทานยากันชักตามที่แพทย์สั่ง
- มีการเปลี่ยนแปลงยากันชักและความถี่ในการใช้ยากะทันหันและบ่อยครั้ง
- อยู่ในวัยหนุ่มสาว (โดยเฉพาะผู้ชาย)
- มีอาการชักขณะนอนหลับ
- มีอาการชักขณะอยู่คนเดียว
- ดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก
หากคุณกำลังกังวลว่าอาการชักของคุณไม่สามารถควบคุมได้ดี แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลมชัก ซึ่งอาจมีการส่งต่อคุณไปรักษายังศูนย์รักษาที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม