หนูไม่ใช่เด็กดื้อ

ทำความรู้จัก เข้าใจ รู้วิธีรับมือ และอย่าด่วนตัดสินตามสิ่งที่เห็น
เผยแพร่ครั้งแรก 14 ก.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 21 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
หนูไม่ใช่เด็กดื้อ

มีพ่อแม่หลายท่านที่พาลูกวัยเรียนช่วงประถมต้นมารับบริการที่คลินิกจิตเวชโดยให้ประวัติว่า ลูกเป็นเด็กดื้อ ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตามคำสั่ง สอนอะไรมักไม่ใส่ใจ ไม่ยอมทำการบ้าน เป็นเด็กดื้อมากจนบางครั้งต้องลงโทษด้วยวิธีรุนแรง  ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนที่จะทำให้ลูกหายเป็นเด็กดื้อได้เสียที เมื่อทำการซักประวัติอย่างละเอียดเด็กที่พ่อแม่แจ้งว่า เป็นเด็กดื้อแล้วมักพบว่า เด็กส่วนใหญ่มักคลอดก่อนกำหนด เคยมีประวัติชักเกร็ง เด็กดื้อบางรายมีพัฒนาการช้า มีปัญหาในการเรียน เรียนแล้วไม่จำ และผลการตรวจทางจิตวิทยาคลินิกมักพบว่า ระดับไอคิว หรือความสามารถทางสติปัญญาของเด็กดื้อมักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ

ทำความรู้จัก

เด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์คือ เด็กที่มีระดับสติปัญญาในช่วง 70-89 ความสามารถของเด็กกลุ่มนี้ค่อนข้างจะเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

พฤติกรรมการแสดงออกมักเป็นไปตามอายุสมองของเด็กแต่ละคน ตัวอย่างเช่น เด็กอายุตัว 10 ขวบ แต่มีผลการตรวจทางจิตวิทยาคลินิกพบว่า มีอายุสมอง 8 ขวบ ดังนั้นพฤติกรรมของเด็กก็จะแสดงออกมาแบบเด็ก 8 ขวบ เช่น ชอบเล่นกับเด็กที่อายุสมองเท่ากัน ไม่ชอบเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันเนื่องจากเด็กคิดไม่ทัน ไม่เข้าใจกติกา เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันแล้วรู้สึกไม่สนุกและมักถูกรังแกจากเพื่อนวัยเดียวกันอยู่บ่อยๆ ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ จะเท่ากับเด็ก 8 ขวบ  บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ให้คำสั่งแก่เด็ก แต่เด็กก็มักตอบสนองด้วยการนิ่งเฉย นั่นอาจเป็นเพราะเด็กไม่เข้าใจคำสั่ง ไม่อยากคิดและทำตามสิ่งที่สั่งไม่ได้ 

เมื่อไปโรงเรียนเด็กจะไม่สามารถอ่านเขียน หรือทำกิจกรรมได้เท่ากับเพื่อนในวัยเดียวกัน ทำให้เด็กเกิดความเบื่อไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณครูสอน เมื่อมีการบ้านเด็กไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร บางคนแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าวันนี้ไม่มีการบ้าน แต่พอคุณพ่อคุณแม่รู้ความจริงก็จะคิดว่า เด็กดื้อ เกเร โกหก ขี้เกียจ ก็จะใช้วิธีการลงโทษเด็กด้วยการดุ ด่า ตี ความไม่เข้าใจเหล่านี้ของคุณพ่อคุณแม่และคุณครูจะส่งผลเสียต่อเด็กอย่างมากทำให้เด็กรู้สึกมีปมด้อย เกิดบาดแผลทางจิตใจ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า ตนเองเป็นอะไร ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวของเขา

เราควรมีวิธีรับมืออย่างไร

  • การเข้าใจในความสามารถที่แท้จริงของเด็ก 
  • ปรับวิธีการสอนการเลี้ยงดูตามระดับอายุสมองของเขา 
  • ฝึกให้เด็กทำซ้ำๆ บ่อยๆ 

บางครั้งแม้ว่า เด็กกลุ่มนี้จะไม่สามารถเรียนรู้ทางวิชาการได้ดี แต่เขามักมีทักษะบางอย่างที่สามารถฝึกฝนจนประสบผลสำเร็จได้  สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำคือ การสังเกตในสิ่งที่เด็กสนใจ  ชอบทำในสิ่งนั้นๆ แล้วพยายามพัฒนาจุดเด่น  บางครั้งอาจต้องใช้การเสริมแรงทางบวกทำให้เด็กเกิดความมั่นใจว่า เขาสามารถทำได้   เกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนาในทักษะนั้น 

การเสริมแรงทางบวกอาจเป็นคำชมเชย การปรบมือ การแท็กมือกับเด็กเมื่อเขาทำสำเร็จ การฝึกเด็กเหล่านี้ต้องฝึกแบบซ้ำๆ บ่อยๆ อาจต้องใช้เวลานาน คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความอดทนและใจเย็นสิ่งที่ไม่ควรทำกับเด็กกลุ่มนี้คือ การลงโทษด้วยวิธีรุนแรงเพราะนอกจากไม่เกิดผลดีกับเด็กแล้วยังจะส่งผลให้เด็กมีสภาพจิตใจที่แย่ลง เก็บกดความก้าวร้าวไว้ภายใน และระเบิดความก้าวร้าวออกมาโดยการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม  เด็กกลุ่มนี้ถ้าได้รับการเลี้ยงดู หรือฝึกฝนด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นเขาอาจเป็นคนไม่ดีและสร้างความเดือดร้อนให้สังคมได้ 

ดังนั้นเมื่อพบว่า ลูกในวัยเรียนของคณมีอาการผิดปกติดังกล่าว หรือคล้ายเด็กดื้อ แนะนำให้พาเด็กไปพบบุคลากรด้านจิตเวชเพื่อรับการตรวจประเมินหาสาเหตุของความผิดปกติและรับการบำบัดช่วยเหลืออย่างเหมาะสม


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Sarika Boora, Raising Low Intelligence Children: Under-Achieving Kids with Low IQ (https://psychologydailypost.co...), 13 February 2019
Rachel M. Fenning et al, Parenting Children With Borderline Intellectual Functioning: A Unique Risk Population (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/p...), 10 December 2009
Ashley Schaeffer, How to Teach a Child with a Low IQ (https://classroom.synonym.com/...)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก

ทดสอบตัวคุณเองเพื่อดูว่าคุณรู้เกี่ยวกับการรังแกดีแค่ไหน

อ่านเพิ่ม