การจัดการความก้าวร้าวในเด็ก

เผยแพร่ครั้งแรก 14 ก.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
การจัดการความก้าวร้าวในเด็ก

การจัดการความก้าวร้าวในเด็ก

ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีความก้าวร้าวอันเป็นผลมาจากแรงขับที่อยากจะทำลายติดตัวมาทุกคนตั้งแต่เกิด และผลจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมเด็กไม่ได้รับการตอบสนองความรักอย่างถูกต้องจากพ่อแม่ มีชีวิตที่ขาดๆ เกินๆ พบความโหดร้ายในชีวิต พ่อแม่แสดงความรักต่อลูกไม่เป็น ไม่มีเวลาให้ลูกอย่างเพียงพอหรือพ่อแม่เป็นคนก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรงเลี้ยงไปด่า ไปใช้เด็กเป็นที่ระบายอารมณ์ เมื่อเด็กโตขึ้นเขาจะมีบุคลิกก้าวร้าวทั้งวาจาและพฤติกรรม หากพ่อแม่ปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่สั่งสอนหรือไม่ฝึกเด็กให้เรียนรู้ว่าพฤติกรรมดีกับไม่ดีเป็นอย่างไร จะส่งผลให้เด็กไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องหรือความเหมาะสมได้ไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์และไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตนเองได้ เมื่อเด็กโตขึ้นเขาจะมีพฤติกรรมอันธพาลก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรง ขาดเหตุผล ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์สร้างปัญหาให้กับตนเองและสังคม วิธีการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้ พ่อแม่สามารถอบรมสั่งสอนได้ตั้งแต่วัยเยาว์โดยมีวิธีการดังนี้

วิธีการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก

  • สอนให้เด็กรู้จักเหตุและผล โดยใช้คำพูดสั้นๆ ตรงไปตรงมา อธิบายชี้แจงให้เด็กเข้าใจด้วยวาจาที่หนักแน่นและนิ่มนวล ไม่ใช้อารมณ์ เช่น “ไม่ให้เล่นมีดเพราะมีดจะบาดมือ เลือดจะออกแล้วจะเจ็บมือ”
  • ถ้าจำเป็นต้องลงโทษเด็ก ต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจว่าที่ถูกลงโทษนี้เพราะสาเหตุเรื่องอะไร ควรกระทำอีกหรือไม่ การลงโทษต้องสมเหตุสมผลกับความผิดที่เด็กกระทำห้ามลงโทษด้วยอารมณ์โกรธ เกลียด หรือไม่รักหรือต้องการประชดบุคคลที่สามเด็ดขาด
  • คอยอบรมสั่งสอน ไม่ให้เด็กเป็นคนเจ้าอารมณ์หรือก้าวร้าวทั้งคำพูดและพฤติกรรมควรพัฒนาความก้าวร้าวให้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์โดยสนับสนุนให้เด็กเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาสนใจและชื่นชอบ
  • ฝึกให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อเพิ่มทักษะและทำให้เด็กได้รู้จักตัวเองรู้จุดเด่นจุดด้อย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ดีและมีศักยภาพต่อไป
  • ความเข้าใจและการให้กำลังใจ เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี พ่อแม่ควรเข้าใจในศักยภาพว่าเด็กสามารถทำได้แค่ไหน ให้คำชมเชยเมื่อเด็กทำได้ หากเด็กยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็ต้องเพิ่มแรงจูงใจด้วยคำพูดเสริมกำลังใจ เช่น “ลูกทำได้นะแต่แม่คิดว่าลูกน่าจะทำได้ดีและสวยกว่านี้ครั้งหน้าค่อยเอาใหม่นะ”

9 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Marital Hostility, Hostile Parenting, and Child Aggression:Associations From Toddlerhood to School-Age. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4764800/)
Yelling at Kids: Long-Term Effects. Healthline. (https://www.healthline.com/health/parenting/yelling-at-kids)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก

ทดสอบตัวคุณเองเพื่อดูว่าคุณรู้เกี่ยวกับการรังแกดีแค่ไหน

อ่านเพิ่ม
ข้อเท็จจริง 8 ข้อเกี่ยวกับการล้อเลียนที่ทุกคนควรรู้
ข้อเท็จจริง 8 ข้อเกี่ยวกับการล้อเลียนที่ทุกคนควรรู้

ทำความความเข้าใจกับข้อเท็จจริงที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับการล้อเลียน

อ่านเพิ่ม
เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรขอความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของลูก?
เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรขอความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของลูก?

ระบุสัญญาณเตือนและปัจจัยเสี่ยงของปัญหาทางพฤติกรรมที่รุนแรง

อ่านเพิ่ม