ครบถ้วน 8 ขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน

เผยแพร่ครั้งแรก 21 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ครบถ้วน 8 ขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน

คุณคิดว่าการแปรงและขัดฟันทุกเช้าเย็นนั้นสามารถรักษาความสะอาดในช่องปากของคุณได้ใช่ไหม? ความเป็นจริงแล้วแนวทางการป้องกันฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ และการขจัดกลิ่นปากนั้นมีมากกว่าที่คุณอาจทราบเสียอีก เราลองมาศึกษาขั้นตอนดังกล่าวกันเถอะ!

แม้ว่าคุณจะแปรงฟันและขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ แต่มันมีกรรมวิธีดูแลรักษาฟันมากกว่าที่คุณคาดคิด บรรดาทันตแพทย์ต่างแนะนำให้คุณปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้หากคุณยังคงต้องการมีสุขภาพที่สมบูรณ์ครบ 32 ต่อไป

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจสุขภาพฟันวันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 100%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ขั้นตอนที่ 1:  เข้าใจถึงความต้องการด้านสุขภาพในช่องปากของคุณ

สุขภาพช่องปากนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวรวมไปถึงสิ่งที่คุณรับประทาน ประเภทและปริมาณของน้ำลายในปาก นิสัยส่วนตัว สุขภาพองค์รวม และกิจวัตรการรักษาอนามัยในช่องปากของคุณ

การเปลี่ยนแปลงสุขภาพทางร่างกายของคุณก็ส่งผลต่อสุขภาพทางช่องปากของคุณเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ยาที่มีฤทธิ์ลดปริมาณน้ำลายในช่องปากซึ่งทำให้ปากแห้ง เป็นต้น

ผู้หญิงมีครรภ์เองก็มักประสบกับการเปลี่ยนแปลงในช่องปาก ที่มักออกมาในรูปของอาการเหงือกอักเสบจากการตั้งครรภ์ รวมไปถึงกรณีผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มักมีการหายใจผ่านช่องปากในขณะนอนหลับโดยไม่รู้ตัว ทำให้ปากแห้งมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเพิ่มอัตราการสะสมของแบคทีเรียและก่อให้เกิดโรคเหงือกอักเสบขึ้นมา

ขั้นตอนที่ 2:  ทำให้การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นกิจวัตรประจำวัน

กิจวัตรในแต่ละวันของคุณควรต้อง:

  • ง่ายดายและเหมาะสมตรงความต้องการด้านสุขภาพของคุณเอง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้ปากของคุณแห้ง คุณก็ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เป็นต้น
  • แปรงฟันสองครั้งต่อวัน และทำการขัดฟันทุกวัน
  • หากคุณประสบปัญหาในช่องปากอย่างเลือดออกตามไรฟัน หรือมีอาการปวดฟัน ให้ปรึกษาทันตแพทย์ทันที

ขั้นตอนที่ 3:  ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์

นอกจากที่ฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการฟันของเด็กเล็กแล้ว มันยังช่วยป้องกันการสึกหรอของฟันทั้งในผู้ใหญ่และเด็กอีกด้วย จึงทำให้ฟลูออไรด์มีประโยชน์ต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากส่วนมากมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ แต่หากจำเป็นจริง ๆ คุณก็สามารถขอให้ทันตแพทย์จ่ายเจล น้ำยาบ้วนปาก หรือยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เข้มข้นพิเศษให้คุณใช้ได้เช่นกัน

ขั้นตอนที่ 4:  ทำการแปรงและขัดฟันเพื่อคราบแบคทีเรีย

การแปรงฟันอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน กับการขัดฟันอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวันเป็นหลักปฏิบัติสำคัญที่ช่วยรักษาสุขภาพในช่องปากของคุณให้ดีอยู่เสมอ กิจวัตรเหล่านี้ช่วยคราบแบคทีเรีย (ซึ่งเป็นการสะสมและก่อตัวกันของแบคทีเรียบนฟันของคุณ) ซึ่งหากไม่ได้กำจัดมันเป็นประจำ มันจะก่อตัวจนแข็งและพัฒนากลายเป็นหินปูน ซึ่งหากปล่อยให้หินปูนดังกล่าวแข็งตัว ต้องให้ทันตแพทย์เป็นคนจัดการเท่านั้น อีกทั้งคราบแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากนั้นสามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่อยู่ในอาหารให้กลายเป็นกรดซึ่งนำไปสู่การเกิดฟันผุอีกด้วย มันจึงสำคัญอย่างมากที่คุณต้องคอยแปรงและขัดฟันอย่างถูกต้องและถี่ถ้วน เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียออกจากทุกซอกมุมของฟันทุก ๆ ซี่ โดยเฉพาะจุดที่ฟันบรรจบกับเหงือก เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับเหงือกไปพร้อมกัน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ขั้นตอนที่ 5:  แปรงฟันหรือบ้วนปากทุกครั้งหลังอาหาร

การทำความสะอาดปากด้วยน้ำยาฟลูออไรด์จะช่วยทำให้ช่องปากของคุณสะอาดและสดชื่น เนื่องจากหลังจากการรับประทานอาหารทุกครั้ง เศษอาหารขนาดเล็กจำนวนมากจะยังคงติดอยู่ตามซอกในช่องปากของคุณ เมื่อเศษอาหารเหล่านี้สัมผัสกับคราบแบคทีเรียบนฟัน มันจะสร้างกรดซึ่งก่อให้เกิดโรคฟันผุในที่สุด

ขั้นตอนที่ 6:  งดการสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ทั้งแบบมีควันหรือไม่มีควันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุ โรคปริทันต์ และมะเร็งช่องปาก อีกทั้งการสูบบุหรี่ยังทำให้เกิดกลิ่นปาก และเปลี่ยนสีฟันของคุณได้

ขั้นตอนที่ 7:  คอยตรวจ/สอดส่องช่องปากของคุณอย่างสม่ำเสมอ

แม้ว่าคุณจะมีนัดกับหมอฟันหรือทันตานามัยไม่กี่ครั้งในหนึ่งปี คุณก็สามารถทำการตรวจช่องปากของคุณด้วยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในช่วงเวลารายสัปดาห์ การเปลี่ยนแปลงที่คุณควรสังเกตเห็นยกตัวอย่างเช่น:

  • เหงือกบวม
  • ฟันบิ่น
  • สีฟันเปลี่ยนไป
  • อาการปวดหรือแผลที่เหงือก กระพุ้งแก้ม หรือลิ้น

สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ควรมีการตรวจช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจหาร่องรอยความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งช่องปาก

ขั้นตอนที่ 8:  นัดเจอกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับผู้มีประวัติเคยเป็นฟันผุ ดัดฟัน กำลังใส่ฟันปลอม หรือเป็นโรคเบาหวาน เป็นสิงห์อมควัน รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาด้านภูมิคุ้มกันบกพร่องที่มีแนวโน้มที่จะประสบกับปัญหาทางช่องปากอยู่บ่อยครั้ง (อย่างผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่เข้ารับการรักษามะเร็ง เป็นต้น) ต้องคอยระมัดระวังด้านสุขภาพในช่องปากมากเป็นพิเศษ ทำให้ควรต้องมีการนัดพบทันตแพทย์บ่อยกว่าคนทั่วไป


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Mayo Clinic Staff. (2016). Oral health: Brush up on dental care basics. (https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/dental/art-20045536)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป