บทความนี้เขียนโดย นายแพทย์เชิดพงศ์ หังสสูต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า วันที่ 04/06/2562
เท้าแบน เป็นภาวะผิดปกติของโครงสร้างเท้าและโครงสร้างเส้นเอ็นที่คล้องอยู่กับอุ้งเท้า เกิดได้ในทุกเพศทุกวัย ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนรุนแรง อาจพบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น ไม่สามารถยืนได้นาน ๆ ปวดขา ปวดเข่า หรือปวดหลัง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การตรวจสอบว่าตนเองมีภาวะเท้าแบนหรือไม่ ทำได้โดยการยืนตัวตรง หลังตรง แล้วให้คนในครอบครัว หรือเพื่อนถ่ายรูปด้านหลังเท้าโดยการวางกล้องชิดไว้กับพื้น หากสังเกตได้ว่าฝ่าเท้านั้นราบไปกับพื้นหมด ไม่มีส่วนโค้งเว้าตรงกลางเลย ก็อาจหมายได้ว่าคุณเป็นผู้ที่มีภาวะเท้าแบน และหากมีอาการเหล่านี้ร่วมอยู่ด้วย ก็จะยิ่งทำให้ข้อสันนิษฐานชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- รู้สึกเมื่อยเท้าง่าย เนื่องจากมีการรับน้ำหนักตัวของเท้าผิดปกติ
- ปวดหรือเจ็บที่เท้า โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเท้าและส้นเท้า หรือทั้งฝ่าเท้าเลย
- มีอาการเท้าบวม โดยเฉพาะฝ่าเท้าบนด้านใน
- ยืนหรือเดินนานๆ ไม่สะดวก
- ปวดหลังหรือปวดขาจากการเดินและยืนง่าย
สาเหตุของเท้าแบน
โรคเท้าแบน มักเกิดขึ้นได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ความผิดปกติแต่กำเนิด
- เส้นเอ็นยืดหรือฉีกขาด
- กระดูกหักหรือเคลื่อน
- ปัญหาด้านสุขภาพที่สัมพันธ์กับข้อ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
- ปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท
- ปัญหาอื่นๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน อายุมาก ตั้งครรภ์
การรักษาและบรรเทาอาการเท้าแบน
แพทย์มักใช้วิธีดังต่อไปนี้ในการรักษาผู้ที่มีภาวะเท้าแบน
- ใส่อุปกรณ์เสริมที่เท้า เช่น แผ่นรองเท้าเฉพาะบุคคล (Insoles) หรือรองเท้าที่มีส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า (Arch support) เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บเท้าและหนุนเท้า
- การใช้อุปกรณ์พยุงส้นเท้าและฝ่าเท้าชนิดหล่อพิเศษเฉพาะราย (Therapeutic Custom made Total Contact Foot Orthosis) : เนื่องจากอักเสบของเอ็นฝ่าเท้า มักเกิดจากการใช้เท้า การสะสมของแรงกระทำที่เท้า ซึ่งเรียกว่าชีวกลศาสตร์ที่ก่อให้เกิดโรค (Patomechanics) การตรวจในด้านนี้ เช่น ตรวจหาแรงกดที่ฝ่าเท้า (Pedobarogram) การตรวจการเคลื่อนไหว (Gait Motion Analysis) จะช่วยบ่งชี้ต้นตอของโรคได้ ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่เจาะจง ด้วยการสร้างกายอุปกรณ์โดยหล่อแบบเท้าเฉพาะจากคนไข้ในแต่ละข้าง โดยมีการ Off loading ในจุดลงน้ำหนักที่ก่อให้เกิดการอักเสบ รวมถึงการ support เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เท้าล้มเข้าด้านในมาก (Hyper Pronation)
- การออกกำลังกาย : เพื่อลดน้ำหนักและลดแรงกระแทกที่เท้าจะต้องแบกรับไว้เมื่อทำกิจกรรมต่าง ผู้ที่ภาวะเท้าแบนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือกีฬาที่ก่อให้เกิดแรงกระแทกที่ฝ่าเท้า เช่น วิ่ง กระโดด เตะฟุตบอล
- บริหารเท้า : โดยการยืดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ยึดเชื่อมกันของขาส่วนล่าง เช่น
- เอามือทั้งสองเกาะโต๊ะ ก้าวเท้าขวาไปด้านหลังประมาณ 1 ก้าว ให้ส้นเท้าขวาติดพื้น แล้วย่อเข่าซ้าย ให้ขาขวาตึงเพื่อยืดเอ็นร้อยหวาย ทำค้างไว้ประมาณ 1-2 นาที แล้วสลับข้าง
- วางลูกเทนนิส หรือลูกบอลที่มีขนาดเล็กบริเวณพื้นที่ติดกับกำแพง ใช้เฉพาะบริเวณนิ้วเท้าเหยียบลูกบอล ส่วนอุ้งเท้าและส้นเท้าวางราบไปกับพื้น ทำค้างไว้ 10 วินาที แล้วสลับข้าง ควรทำอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง
- ยืนด้วยฝ่าเท้าส่วนบนที่ปลายขั้นบันได ยกส้นเท้าขึ้น ค้างไว้ 2 วินาที และวางส้นเท้าลง การฝืนไม่ให้ส้นเท้าแตะกับพื้นบันได เป็นการกระตุ้นการทำงานของส้นเท้าที่ดี ควรทำอย่างน้อยวันละ 10 ครั้งเช่นกัน
- การรักษาด้วยยา : ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนร่วมกับการอักเสบ บวม แดง สามารถรับประทานยาแก้อักเสบและใส่สนับข้อเท้าเพื่อลดอาการบวมได้