ภูมิต้านทานโรคเป็นเพียงสารอย่างหนึ่ง ที่อาจถ่ายทอดจากแม่ไปยังลูกโดยผ่านทางน้ำนมได้ อาหาร ยา รวมทั้งแอลกอฮอล์ที่แม่กินประจำวัน ก็อาจถ่ายทอดไปยังลูกได้เช่นเดียวกัน สารอาหารในนมแม่โดยเฉพาะวิตามินและเกลือแร่ อาจผันแปรไปตามส่วนประกอบของอาหารของแม่ด้วย จึงกล่าวได้ว่า
ในหลายเดือนแรกของชีวิต สุขภาพของทารกขึ้นอยู่กับน้ำนมแม่ หรืออักนัยหนึ่ง สุขภาพของทารกขึ้นอยู่กับสุขภาพของแม่ เมื่อตัดสินใจจะให้นมลูก จำเป็นต้องทำนุบำรุงสุขภาพของตนให้เป็นเลิศทั้งในขณะตั้งครรภ์ และตลอดระยะเวลาที่ให้นมลูก
แนะนำคุณแม่มือใหม่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 297 บาท ลดสูงสุด 59%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แม่ส่วนใหญ่สามารถให้นมลูกของตนได้ ยกเว้นแม่ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น เป็นโรคหัวใจ วัณโรค โลหิตจาง โรคไต เป็นต้น หากทำได้ ควรเลี้ยงทารกด้วยนมแม่เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หากในระหว่างนั้น แม่เจ็บไข้เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องหย่านมลูก แต่ไม่ควรกินยาเอง เพราะยาขนาดหรือขนานที่ไม่เป็นอันตรายแก่แม่ อาจมีผลรุนแรงแก่เด็กจนถึงขั้นมีอันตรายได้ ถึงจะเป็นยาประจำบ้านที่แม่เคยกินเป็นประจำ ก็ไม่ควรลองกินเอง ควรปรึกษาและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ในบางกรณี แม่อาจต้องงดให้นมลูกชั่วคราว แม่อาจจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลหรือจำเป็นต้องกินยาที่เป็นอันตรายแก่ลูก ในกรณีเช่นนั้น ควรบีบน้ำนมออกทุกครั้งที่ถึงเวลาให้นม เพื่อให้มีการผลิตและหลั่งน้ำนมต่อเนื่องไป จนกว่าจะให้นมลูกได้อีก
ในการผลิตน้ำนม
แม่ต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นหลายอย่างแม่จึงต้องกินอาหารเพิ่มขึ้น ที่สำคัญที่สุดคืออาหารที่ให้พลังงานสำหรับน้ำนม 4 ขวดใหญ่ (ประมาณ 4 ถ้วยตวง) แม่ต้องใช้พลังงานถึง 900 แคลอรี ตามธรรมชาติร่างกายได้สะสมพลังงานเตรียมพร้อมไว้ใช้ในการนี้แล้ว ไม่ว่าจะตัดสินใจให้นมลูกหรือไม่ในขณะตั้งครรภ์ พลังงานจะถูกสะสมไว้แล้วในรูปของไขมัน หนักประมาณ 2-4 กิโลกรัม เมื่อเริ่มหลั่งน้ำนม ร่างกายจะดึงพลังงานส่วนหนึ่งมาจากไขมันที่สะสมอีกส่วนหนึ่งมาจากอาหารประจำวันของแม่
กรมอนามัยแนะนำให้หญิงให้นมบุตรกินพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 1,000 แคลอรี นับเป็นปริมาณสูงสุดที่ควรจะได้รับประจำวันของผู้หญิง สูงกว่าตอนตั้งครรภ์ถึง 500 แคลอรี แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับเอาใจใส่ทำนุบำรุงร่างกายเฉพาะตอนตั้งครรภ์ หลังคลอดมักจะเลิกเสียเพราะกลัวอ้วน บางคนก็รีบอดอาหาร พยายามลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบ ที่จริงการให้นมลูกเป็นการลดน้ำหนักอย่างดี น้ำหนักของแม่จะค่อยลดลงทีละน้อย โดยที่แม่ไม่ต้องออกกำลังกายอย่างหักโหมหรือลดอาหารด้วยซ้ำ ถึงแม่จะกินอาหารเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกใช้ให้หมดในการให้นมลูก ประมาร 3-6 เดือนหลังคลอด น้ำหนักของแม่จะลดลงเหลือเท่ากับก่อนตั้งครรภ์ แต่ถ้าแม่กินอาหารไม่พอ ย่อมรู้สึกอ่อนเพลียเป็นประจำ สุขภาพทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว บางทีก็ผอมโซและซีดเซียวจนเห็นได้ชัด
นอกจากพลังงานแล้ว แม่ควรจะกินอาหารหลักทั้ง 5 หมู่เพิ่มขึ้นตามส่วน โดยเฉพาะผักและผลไม้ เนื่องจากหลังคลอดแม่มักมีอาการท้องผูก หากเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนอาจกลับเป็นขึ้นอีกได้และมักมีอาการรุนแรง ในระยะนี้ไม่ควรกินยาถ่าย จึงต้องพึ่งพากากและน้ำในผักและผลไม้ให้ช่วยในการขับถ่าย
แต่ก่อน มีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารของแม่ลูกอ่อนมากแม่มักถูกบังคับให้งดอาหารหลาย ๆ อย่าง เพราะถือกันว่าเป็นของแสลง บางคนถูกห้ามไม่ให้กินไข่และเนื้อสัตว์ ได้กินแต่ข้ากับเกลือทุกมื้อก็มี ทั้ง ๆ ที่ในระยะนี้ต้องการโปรตีนมากเป็นพิเศษ อย่างน้อยที่สุด ควรได้กินไข่ทุกวัน วันละหนึ่งฟอง กินเนื้อสัตว์และถั่วเมล็ดแห้งเพิ่มขึ้นด้วย
หากแม่กินนมได้ ควรกินนมวันละ 2-3 แก้ว
ในนมมีสาอาหารหลายอย่างที่แม่อาจนำไปใช้ผลิตน้ำนม จึงเรียกว่าแม่กินนมเพื่อให้นมลูกก็คงไม่ผิดความจริงนัก เท่ากับแม่นำนมที่มีคุณภาพด้อยกว่าไปดัดแปลงให้เป็นนมที่มีคุณภาพดีขึ้นโดยแม่ทำหน้าที่เป็นโรงงานผลิตเสียเอง ถึงแม้นมสดหรือนมผงที่แม่ใช้เป็นวัตถุดิบจะมีราคาแพง แต่ก็ยังถูกกว่านมผงสำหรับเลี้ยงทารกที่อุตสาหกรรมนมผลิตออกมาจำหน่ายหลายเท่า
นมเป็นแหล่งแคลเซี่ยมที่ดีที่สุด หากไม่กินนมในระหว่างให้นมลูกร่างกายอาจขาดแคลเซี่ยม ซึ่งจะมีผลต่อกระดูกและฟันทั้งของแม่และเด็ก อาการขาดแคลเซี่ยมของแม่จะเห็นชัดขึ้น เมื่อมีลูกหลายคน กระดูกของแม่จะอ่อนและเปราะ ฟันไม่แข็งแรง ฟันโยก ฟันคลอนและผุกร่อนง่ายขึ้น การกินผักใบเขียวและปลาเล็กปลาน้อย ช่วยให้ได้แคลเซี่ยมเพิ่มขั้น แต่ไม่ดีเท่าแคลเซี่ยมจากนม