คุณผู้อ่านอาจจะเคยได้ยินมาว่า “ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินมากกว่าเดือนละ 2 กล่อง” ใช่มั้ยคะ หรือในบางครั้งก็มีการส่งต่อข้อมูลแบบผิดเพี้ยนจนกลายเป็น “ในชั่วชีวิตของเรา ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเกิน 2 ครั้ง”
แล้วจะเป็นความจริงหรือไม่... เรามาไขข้อข้องใจนี้ไปพร้อม ๆ กันค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ในอดีต บริษัทผู้ผลิตจะมีการระบุคำเตือนไว้ที่ข้างกล่องยาคุมฉุกเฉินว่า “ใช้ได้ไม่เกิน 2 กล่องต่อเดือน” เพราะเคยมีการตั้งข้อสังเกตว่า การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้มากขึ้น
แต่ปัจจุบัน จะไม่เห็นคำเตือนนี้แล้วนะคะ
อย่างไรก็ตาม ยังมีการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวอยู่เรื่อยมา รวมถึงเพิ่มเติมข้อกังวลที่ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีขนาดสูง อาจทำให้เกิดปัญหาการมีบุตรยากในอนาคต หรือทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย
ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ หรือด้วยความปรารถนาดีที่ต้องการป้องกันการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างพร่ำเพรื่อ แต่ก็ส่งผลให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เกิดความหวั่นวิตกในผลที่ตามมาจนไม่กล้าจะใช้ยา และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้ค่ะ
ในปี ค.ศ. 2010 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) จึงได้เผยแพร่เอกสารวิชาการ โดยชี้แจงถึงประเด็นที่เป็นข้อสงสัยหรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ดังนี้
- การใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel emergency contraceptive pill: LNG-ECP) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื่องจากมีข้อมูลจากการศึกษาที่เชื่อถือได้จำนวนมากที่ชี้ว่า อุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกในผู้ที่ใช้ LNG-ECP ไม่แตกต่างจากผู้ที่ไม่เคยใช้
- เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงไม่พบว่าการใช้ LNG-ECP จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Venous thromboembolism: VTE)
- ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าการใช้ LNG-ECP เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่าง ๆ
- การใช้ LNG-ECP ไม่มีผลต่อการมีบุตรหรือโอกาสตั้งครรภ์ในอนาคต
- แม้มีการใช้ LNG-ECP เกินขนาด หรือใช้ซ้ำมากกว่า 1 ครั้งในรอบเดือนเดียวกัน ก็ไม่พบความเสี่ยงที่ร้ายแรง
- มีไม่ถึง 1 ใน 5 ของผู้ใช้ LNG-ECP ที่เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์จากยา และไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือถาวร แต่พบเพียงอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ และเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ประจำเดือนไม่ปกติ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือไม่สบายท้อง
- หากการคุมกำเนิดล้มเหลวและเกิดการตั้งครรภ์ ก็ไม่พบว่า LNG-ECP จะมีความเสี่ยงใด ๆ ต่อทารกในครรภ์ รวมถึงไม่มีผลให้เกิดการแท้งบุตรด้วยค่ะ
- หญิงให้นมบุตรสามารถใช้ LNG-ECP ได้เช่นเดียวกับสตรีทั่วไป
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่มีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล หรือ LNG-ECP ถือเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัยสูงนะคะ อย่างไรก็ตาม ควรใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถูกข่มขืน หรือใช้เป็นวิธีเสริมในกรณีที่วิธีหลักล้มเหลว เช่น ถุงยางฉีกขาด เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติ
โดยในอดีต เชื่อว่า LNG-ECP ออกฤทธิ์ที่มดลูกเป็นหลัก โดยขัดขวางการเคลื่อนที่ของอสุจิ และป้องกันไม่ให้เกิดการฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกของไข่ที่ผสมกับอสุจิ และอาจมีผลยับยั้งการตกไข่ร่วมด้วย จึงน่าจะใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้แม้จะเป็นช่วงก่อนหรือหลังไข่ตกก็ตาม
แต่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน สันนิษฐานว่ากลไกหลักของ LNG-ECP คือขัดขวางการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteinizing Hormone: LH) จึงป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการชะลอหรือยับยั้งไม่ให้ไข่ตกนั่นเอง ดังนั้น ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของ LNG-ECP จึงขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ใช้ นั่นคือ หากรับประทานหลังจากที่ไข่ตกไปแล้ว หรือโดยเฉพาะเมื่อไข่ผสมกับอสุจิไปแล้ว การใช้ LNG-ECP ก็จะไม่ได้ผล
จากที่กล่าวมาทั้งหมด หวังเพียงว่าหากมีความจำเป็น คุณผู้อ่านจะไม่หวาดกลัวเกินเหตุเสียจนไม่กล้าใช้ แต่ก็จะไม่ประมาทจนเกินไป โดยนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เพราะเมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างเข้าใจและเหมาะสม ก็จะลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ