ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจะไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เราเรียกว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ แต่จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ทราบสาเหตุของการมีความดันโลหิตสูง เช่น เป็นโรคไต เป็นโรคลูปัส หรือกำลังใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
โรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่:
สูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด (primary high blood pressure หรือ essential high blood pressure) คือความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดที่แน่ชัด
- ชนิดทราบสาเหตุ (secondary high blood pressure) คือ ความดันโลหิตสูงที่สัมพันธ์กับโรคอื่นๆ ที่เป็น เช่น โรคไต หรือ เกิดจากยาบางชนิดที่คุณใช้อยู่
ความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ (primary high blood pressure)
ยังไม่ทราบว่าอะไรคือสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงชนิดนี้ แต่มีข้อมูลหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่ายิ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาก ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่:
- อายุ: อายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง: โรคนี้มีโอกาสพบได้ในคนในครอบครัวเดียวกัน
- เป็นคนแอฟริกันแคริบเบียน (Afro-Caribbean) หรือ เอเชียใต้
- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ
- รับประทานเกลือ มีเกลือในอาหารที่รับประทานสูงเป็นประจำ
- ขาดการออกกำลังกาย
- น้ำหนักเกิน อ้วน
- สูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ความเครียด
โรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน และโรคไต มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุ (Secondary high blood pressure)
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงบางราย ประมาณ 5-10% เกิดแบบทราบสาเหตุ เราเรียกว่า เป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุ
ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุ ได้แก่:
- ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ไต เช่น โรคไต หรือ การติดเชื้อที่ไต
- หลอดเลือดแดงตีบแคบ (คือหลอดเลือดที่นำเลือดจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย)
- ปัญหาที่เกิดกับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น โรคคูชชิ่ง (Cushing’s syndrome) คือสภาวะที่ร่างกายที่มีการผลิตสเตียรอยด์ฮอร์โมนที่มากเกินไป
- สภาวะบางอย่างที่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อในร่างกาย เช่น โรคลูปัส (lupus) คือสภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์ปกติในร่างกาย หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
- ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน, ยาแก้ปวดบางชนิด ได้แก่ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ยาเสพติด เช่น โคเคน, ยาบ้า
ในบางครั้ง การใช้สมุนไพร เช่นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร อาจเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงได้
สูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง
การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงจะทำโดยการวัดความดันโลหิตสูงด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิม คือต้องอาศัยการฟังเสียงการเต้นของหัวใจไปพร้อมกับการวัด หรือการวัดโดยการใช้เครื่องอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังอาจต้องตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อหาว่ามีโรคหรือสาเหตุใดที่ทำให้มีความดันโลหิตสูงหรือไม่ด้วย
วิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าคุณมีภาวะความดันโลหิตสูงหรือไม่ คือการตรวจวัดระดับความดันโลหิตเป็นประจำ ดังนั้นให้สอบถามแพทย์ที่ดูแลคุณว่า คุณควรตรวจความดันโลหิตอีกครั้งเมื่อใด
ก่อนการตรวจวัดความดันโลหิต คุณควรนั่งพักอย่างน้อย 5 นาที และควรไปปัสสาวะมาก่อนการวัดความดันโลหิตแล้ว และเพื่อให้ผลการวัดความดันโลหิตแม่นยำ คุณควรนั่งลงและไม่พูดคุยระหว่างการวัดความดันโลหิต
การวัดความดันโลหิตแล้วพบว่าสูงเพียง 1 ครั้ง ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง ปกติแล้วความดันโลหิตจะเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน ความวิตกกังวลหรือความเครียดที่เกิดขึ้นขณะมาพบแพทย์ก็สามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ (เราเรียกว่า white coat syndrome เปรียบง่ายๆ คือ ความดันโลหิตสูงเฉพาะขณะเจอบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสวมเสื้อกาวน์หรือเครื่องแบบสีขาวนั่นเอง)
ดังนั้นในการวัดความดันโลหิต แพทย์จะต้องการวัดความดันโลหิตคุณหลายๆ ครั้งในหลายช่วงเวลา เช่น ทุกๆ เดือน เพื่อดูว่าระดับความดันโลหิตของคุณสูงคงที่ทุกครั้งที่วัดหรือไม่
การตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะอาจถูกตรวจร่วมด้วย เพื่อค้นหาโรคที่เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง เช่น การติดเชื้อที่ไต
สูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณอาจได้รับคำแนะนำให้วัดความดันโลหิตด้วยเครื่องที่บ้าน และทำการจดบันทึกไว้ เพื่อใช้บอกได้ว่าคุณเป็นความดันโลหิตสูงจริงๆ หรือมีความดันโลหิตสูงเฉพาะเวลามาโรงพยาบาลเท่านั้น (white coat syndrome) และจะช่วยค้นหาทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณด้วย
เครื่องวัดความดันโลหิต (Sphygmomanometer)
การวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิม จะใช้เครื่องมือวัดความดันโลหิตที่ชื่อว่า sphygmomanometer เครื่องมือชนิดนี้จะมีผ้าพันที่ต้นแขน ซึ่งจะพองตัวเมื่อทำการบีบรัดแขน และจะมีสเกลปรอท คล้ายๆ กับปรอทวัดไข้
บุคลากรทางการแพทย์จะฟังจังหวะการเต้นของหัวใจเพื่อวัดความดันโลหิต โดยใช้หูฟัง (stethoscope) วางไว้บนหลอดเลือดแดง
เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ (Digital sphygmomanometer)
ในปัจจุบันหลายๆ โรงพยาบาลและคลินิกจะนิยมใช้เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ โดยเครื่องจะวัดจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านเซ็นเซอร์ที่อยู่ในสายรัดที่พันอยู่ที่ต้นแขน
สายรัดจะถูกปั้มให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อบีบรัดและจำกัดการไหลของเลือดที่บริเวณแขน และค่อยๆ คลายตัวเพื่อให้เลือดไหลได้ตามเดิมอย่างช้าๆ