ภาวะก้านสมองตาย หรือ ภาวะสมองตาย คือสภาวะที่ก้านสมองถูกทำลายจนหมดความสามารถในการทำงานอย่างสิ้นเชิง เมื่อวินิจฉัยภาวะสมองตายแล้ว จะถือว่าผู้ป่วยรายนั้นเป็นผู้เสียชีวิต เพราะผู้ป่วยจะไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกหลังจากสมองตาย
บทนำ
ก้านสมองตาย (brain stem death) คือสภาวะที่ก้านสมองไม่มีความสามารถในการทำงานอีกต่อไป และผู้ป่วยจะหมดสติถาวร และสูญเสียความสามารถในการหายใจด้วยตนเอง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หากเกิดภาวะก้านสมองตายเกิดขึ้น การใช้เครื่องช่วยหายใจจะช่วยให้หัวใจยังเต้นอยู่และช่วยให้มีออกซิเจนไหลเวียนในเลือด
คนที่ได้รับการตรวจยืนยันว่าเสียชีวิตคือผู้ที่ได้รับการยืนยันว่ามีภาวะก้านสมองตายนั่นเอง
การยืนยันการเสียชีวิต
การยืนยันการเสียชีวิตในอดีตจะเป็นแบบตรงไปตรงมา โดยจะถือว่าเสียชีวิตเมื่อหัวใจหยุดเต้น และคนๆ นั้นไม่ตอบสนอง และไม่หายใจอีกต่อไป การขาดออกซิเจนจะเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีเลือดไหลเวียน และนำไปสู่การสูญเสียหน้าที่การทำงานของก้านสมองถาวรอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันการยืนยันการเสียชีวิตมีความซับซ้อนกว่าแต่ก่อน เพราะยังสามารถช่วยให้หัวใจของคนๆ นั้นเต้นต่อไปได้ภายหลังก้านสมองหยุดการทำงานแล้วถาวรแล้ว ซึ่งทำได้โดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ (ventilator) ทำให้ร่างกายและหัวใจยังคงได้รับออกซิเจนอยู่ อย่างไรก็ตามคนๆ นั้นจะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก หรือไม่สามารถกลับมาหายใจด้วยตนเองได้อีกต่อไป
เมื่อก้านสมองหยุดการทำงานถาวร จะไม่มีทางย้อนกลับไปทำงานได้อีก และในที่สุดหัวใจก็จะหยุดทำงาน แม้ว่าจะใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ก็ตาม
หากมีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีสภาวะสมองตายเกิดขึ้น คนๆ นั้นถูกหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อช่วยให้คนในครอบครัวและเพื่อนไม่ทุกข์จนเกินไป
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ก้านสมอง
ก้านสมองคือส่วนล่างของสมองที่เชื่อมต่อกับไขสันหลัง (ส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลางที่อยู่ภายในกระดูกสันหลัง)
ก้านสมองมีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของร่างกายที่เป็นระบบอัตโนมัติและสำคัญกับการมีชีวิต ได้แก่:
- การหายใจ
- การเต้นของหัวใจ
- ความดันโลหิต
- การกลืน
ก้านสมองจะมีหน้าที่ในการถ่ายทอดข้อมูลไปยังสมอง และจากสมองไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย จึงมีบทบาทสำคัญในหน้าที่การทำงานหลักของสมอง เช่น การมีสติรู้สึกตัว การรับรู้ และการเคลื่อนไหวร่างกาย
ผู้ที่มีภาวะสมองตายจะไม่สามารถฟื้นกลับมามีสติได้อีก
การตายของสมองเกิดขึ้นได้อย่างไร
สมองตายสามารถเกิดขึ้นเมื่อเลือด และ/หรือ ออกซิเจน ที่ไปเลี้ยงสมองถูกหยุดไป โดยมีสาเหตุจาก:
- หัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest) คือสภาวะที่หัวใจหยุดเต้น และสมองจะเกิดการขาดออกซิเจนขึ้น
- กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (heart attack) เป็นภาวะร้ายแรงฉุกเฉินทางการแพทย์ ที่เกิดขึ้นจากการที่เลือดไปเลี้ยงหัวใจถูกปิดกั้นกะทันหัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและตายเฉียบพลันได้
- โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) เป็นภาวะร้ายแรงฉุกเฉินทางการแพทย์ ที่เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองถูกปิดกั้น หรือถูกขัดขวาง
- ลิ่มเลือดอุดตัน คือ มีการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้เกิดการขัดขวางหรือปิดกั้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
สมองตายยังสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจาก:
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
- มีเลือดออกในสมอง
- การติดเชื้อ เช่น โรคสมองอักเสบ (encephalitis)
- เนื้องอกในสมอง
สภาพ “ผัก” (Vegetative state)
มีความแตกต่างระหว่างสมองตาย และ สภาพผัก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากสมองได้รับความเสียหายอย่างมาก
ในคนที่มีสภาพผักจะยังสามารถแสดงลักษณะของการตื่นตัวได้ เช่น อาจลืมตาได้ แต่ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง
ในบางกรณีที่พบได้น้อย ผู้ป่วยอาจแสดงการตอบสนองบางอย่างที่สามารถตรวจพบได้โดยการสแกนสมอง แต่จะไม่สามารถตอบสนองกับสิ่งรอบข้างได้
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสมองตายและสภาพผักคือ ผู้ที่มีสภาพผัก ก้านสมองจะยังทำงานได้ ซึ่งหมายความว่า:
- รูปแบบของการมีสติรับรู้บางอย่างอาจยังคงมีอยู่
- โดยทั่วไปยังหายใจได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
- มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง เพราะหน้าที่หลักของก้านสมองอาจไม่ได้รับผลกระทบ
ในขณะที่ผู้ที่สมองตายจะไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้อีก เพราะร่างกายจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากขาดการช่วยเหลือด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
การยืนยันภาวะสมองตาย
จะมีบางกรณีที่พบว่า มีบางอย่างที่ทำให้ดูเหมือนว่าคนๆ นั้นมีภาวะสมองตายเกิดขึ้น
ซึ่งรวมถึงการใช้ยาเกินขนาด (โดยเฉพาะยาในกลุ่มบาร์บิทูเรต (barbiturates) และภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำอย่างรุนแรง (อุณหภูมิร่างกายลดลงต่ำกว่า 28 องศาเซลเซียส)
ดังนั้นจะมีการทดสอบหลายการทดสอบเพื่อตรวจยืนยันว่าสมองตายแล้วจริงหรือไม่ เช่น การส่องไฟฉายเข้าไปที่ดวงตาทั้งสองข้างและดูการตอบสนองที่เกิดขึ้น
การบริจาคอวัยวะ
ภายหลังการเกิดภาวะสมองตาย อาจมีความเป็นไปได้ที่จะนำอวัยวะของผู้ที่มีภาวะสมองตายไปใช้ในกระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น
ในกรณีที่ผู้ตายไม่ได้แสดงความประสงค์ในการบริจาคอวัยวะไว้ก่อนตาย จะถือเป็นเรื่องยากสำหรับญาติและคู่ของเขาที่จะตัดสินใจว่าจะบริจาคอวัยวะของผู้ตายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตระหนักถึงประเด็นนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยจะต้องแน่ใจว่าประเด็นนี้จะได้รับการดูแลจัดการอย่างละเอียดและรอบคอบ
การวินิจฉัย
มีเกณฑ์หลายข้อสำหรับการวินิจฉัยความตายของก้านสมอง
สำหรับการจะเริ่มวินิจฉัยภาวะสมองตาย ผู้ป่วยจะต้องมีอาการเข้าได้กับเกณฑ์ดังนี้:
- คนๆ นั้นต้องหมดสติและไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย
- การเต้นของหัวใจและการหายใจมีอยู่ได้เพราะการใช้เครื่องช่วยหายใจเท่านั้น
- ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่ามีความเสียหายร้ายแรงที่สมอง และไม่สามารถรักษาได้
การวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆ
ก่อนการตรวจยืนยันภาวะสมองตาย แพทย์จะต้องตรวจให้แน่ใจก่อนว่าอาการของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยอื่น เช่น:
- การใช้ยาเสพติด, ยากล่อมประสาทเกินขนาด, การได้รับสารพิษ หรือสารเคมีอื่นๆ
- อุณหภูมิร่างกายต่ำผิดปกติ (hypothermia)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไปอย่างรุนแรง
เมื่อแพทย์ตรวจแล้วพบว่าอาการของผู้ป่วยไมได้เกิดจากปัจจัยข้างต้น แพทย์จึงจะเริ่มการตรวจยืนยันภาวะสมองตายต่อไป ในการวินิจฉัยภาวะสมองตายจะต้องทำโดยแพทย์อาวุโสจำนวน 3 ท่าน โดยแพทย์ทั้ง 3 ท่านนี้จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ
แพทย์จะอธิบายเกี่ยวกับการตรวจให้คุณทราบ และแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับสภาวะของคนที่คุณรักตลอดระยะเวลาที่อยู่ในความดูแลของแพทย์
การตรวจยืนยันภาวะสมองตาย
แพทย์จะทำการทดสอบที่เกี่ยวข้อง โดยแพทย์ทั้ง 2 ท่านต้องลงนามความเห็นตรงกันเกี่ยวกับผลการตรวจ เพื่อยืนยันภาวะสมองตายของผู้ป่วยรายนั้น ในการทดสอบเพื่อยืนยันภาวะสมองตายจะต้องทำทั้งหมด 2 ครั้ง เพื่อลดโอกาสข้อผิดพลาดของผลการตรวจที่อาจเกิดขึ้น
การทดสอบที่ใช้ตรวจเพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยมีภาวะก้านสมองตายหรือไม่ มีดังนี้:
- การใช้ไฟฉายส่องไปที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพื่อดูการตอบสนองต่อแสง
- กระจกตา (ส่วนโปร่งใสชั้นนอกสุดของดวงตา) ซึ่งโดยปกติจะมีความไวมาก โดยจะนำสำลีที่ถูกดึงยาวปั่นให้แหลมไปแตะเบาๆ ที่บริเวณกระจกตาเพื่อดูการตอบสนองของตา
- ใช้แรงกดลงไปที่หน้าผาก และจมูกจะถูกบีบเพื่อดูว่ามีการเคลื่อนไหวตอบสนองหรือไม่
- น้ำเย็น/น้ำแข็ง จะถูกสอดเข้าไปในหูแต่ละข้าง ซึ่งมักจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของตา
- ท่อพลาสติกบางๆ จะถูกใส่เข้าไปในหลอดลม เพื่อดูว่ามีการสำลักหรือการไอหรือไม่
· ผู้ป่วยจะถูกนำเครื่องช่วยหายใจออกในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อดูว่าผู้ป่วยพยายามหายใจด้วยตัวเองหรือไม่
จะได้รับการยืนยันการวินิจฉัยภาวะสมองตายเมื่อผู้ป่วยรายนั้นไม่ตอบสนองต่อการทดสอบทั้งหมดข้างต้น
ในบางครั้งแม้ว่าได้รับการวินิจฉัยก้านสมองตายแล้ว แต่อาจพบว่าแขนขาและลำตัว (ส่วนบนของร่างกาย) ยังมีการเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวดังกล่าวคือรีเฟลกซ์ของไขสันหลัง (spinal reflex movements) ซึ่งเกิดจากไขสันหลังและไม่เกี่ยวข้องกับสมอง ดังนั้นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัยภาวะสมองตายที่ได้ให้การวินิจฉัยไปแล้ว