กระดูก (Bone) เป็นโครงสร้างที่สำคัญ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นโครงร่างพยุงร่างกายแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมแคลเซียมที่สำคัญอีกด้วย
ความผิดปกติของกระดูกที่พบในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การหักหรือแตก (Fracture) เนื่องจากอุบัติเหตุ ซึ่งพบได้ในทุกเพศทุกวัย
ตรวจกระดูกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 534 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อย่างไรก็ตาม ในผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป การตรวจกระดูกเป็นเรื่องสำคัญเป็นพิเศษ เพราะจะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลสามารถวางแผนป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้อย่างทันท่วงที
ภาวะกระดูกพรุนนี้ หากใครเป็นขึ้นมา เวลาหกล้มหรือ หรือเกิดอุบัติเหตุแล้วกระดูกหักก็มีโอกาสพิการตลอดชีวิตได้
การตรวจสุขภาพกระดูกคืออะไร?
การตรวจสุขภาพกระดูก คล้ายกับการตรวจสุขภาพทั่วไปแต่มุ่งเน้นไปที่สุขภาพของกระดูก เพื่อวางแผนป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อต่อภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุเป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถือว่าเป็นภัยเงียบที่อันตรายมาก
ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) หรือกระดูกบาง (Osteopenia) จะไม่มีอาการแสดงใดๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะทราบเมื่อเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยต่อกระดูก แต่อุบัติเหตุนั้นทำให้กระดูกหักและการเชื่อมต่อกันเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์
มีรายงานว่าผู้ป่วจำนวนมากมีกระดูกผิดรูป กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเสียชีวิตภายในหนึ่งปีเนื่องจากอาการแทรกซ้อนต่างๆ หลังจากประสบอุบัติเหตุกระดูกหัก
ด้วยเหตุนี้การตรวจสุขภาพกระดูกจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้แพทย์วางแผนการป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงที
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิธีตรวจกระดูก
การตรวจกระดูกปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น ซักประวัติ ตรวจร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบพิเศษอีกหลายชนิด เช่น ตรวจเลือด หรือตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก เป็นต้น
วิธีตรวจกระดูกที่เป็นที่นิยมมี 3 วิธี ดังนี้
1. การสังเกตลักษณะภายนอกของร่างกาย (General appearance)
วิธีนี้ช่วยบ่งบอกถึงภาวะกระดูกพรุนได้ โดยในผู้สูงอายุที่มีกระดูกสันหลังค่อม ตัวเตี้ยลง อาจจะเป็นสัญญาณของกระดูกสันหลังพรุนหรือทรุดตัวได้
ข้อเสียของการสังเกตคือ กว่าจะพบภาวะผิดปกติดังกล่าว ผู้ป่วยมักจะมีภาวะกระดูกพรุนรุนแรงแล้ว
2. ใช้ภาพถ่ายเอกซเรย์ (X-ray)
จากภาพถ่ายเอกซเรย์ของผู้ที่มีกระดูกพรุน จะพบว่าภาพบริเวณกระดูกมีสีดำขึ้น เพราะความหนาแน่นของกระดูกลดลง โพรงกระดูกกว้างขึ้น เห็นลายกระดูกหยาบๆ และในผู้ป่วยบางรายอาจจะเห็นขอบของกระดูกเป็นสีขาวชัดเจน
นอกจากนี้ยังอาจเห็นรอยร้าวของกระดูก หรือการทรุดตัวของกระดูกด้วย มักพบความผิดปกติเหล่านี้โดยบังเอิญ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข้อเสียคือ ไม่สามารถบอกระดับความรุนแรงของภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุนได้ชัดเจน ทำให้การประเมินผลการรักษาเป็นไปได้ยาก
การถ่ายเอกซเรย์อาจอยู่ในท่ายืนหรือนั่ง ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของผู้ที่รับการตรวจ
3. การตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone Minineral Density: BMD)
โดยใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำ 2 พลังงาน (Dual Energy X-ray Absorptiometry scanner หรือ DEXA scanner) วิธีนี้ผู้รับการตรวจจะสัมผัสรังสีเอกซเรย์น้อยกว่าการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกทั่วไป จึงนับว่าปลอดภัยสูง
บริเวณที่นิยมทำการตรวจตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ กระดูกสันหลังระดับเอวและกระดูกสะโพก ใช้เวลาการตรวจเพียง 5-10 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำการตรวจ ให้ผลเป็นค่าความหนาแน่นของมวลกระดูกเทียบกับค่ามวลกระดูกมาตรฐาน (T-score)
- ค่า T-Score มากกว่า -1 ขึ้นไป หมายถึง กระดูกหนาแน่นปกติ (Normal bone)
- ค่า T-Score อยู่ระหว่าง -1 ถึง -2.5 หมายถึง เป็นโรคมวลกระดูกน้อยหรือกระดูกบาง (Osteopenia)
- ค่า T-Score ต่ำกว่า -2.5 หมายถึง เป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
การตรวจกระดูกด้วยวิธีตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกจัดว่าแม่นยำกว่าวิธีอื่นๆ และสามารถใช้ติดตามผลของรักษาได้ด้วย ซึ่งการตรวจซ้ำสามารถทำได้ทุก 1-2 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์
ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจความหนาแน่นของกระดูก?
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจความหนาแน่นของกระดูก มีดังนี้
- ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป
- สตรีวัยหมดประจำเดือน หรือผู้ชายที่มีภาวะเสี่ยงต่อมวลกระดูกต่ำ เช่น มีน้ำหนักตัวน้อย (BMI น้อยกว่า 19 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) รับประทานยาที่มีผลทำให้มวลกระดูกลดลง หรือมีประวัติกระดูกหัก เป็นต้น
- ผู้ที่มีประวัติกระดูกหักบ่อยๆ แม้จะประสบอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ส่งผลต่อภาวะมวลกระดูกต่ำ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคต่อมไทรอยด์และโรคต่อมพาราไทรอยด์ เบาหวาน โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง การดูดซึมของระบบทางเดินอาหารผิดปกติ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
- ผู้ที่ได้รับยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยารักษาโรคลมชัก ยารักษามะเร็ง ยารักษาโรคไทรอยด์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอาจจะมีผู้ที่มีความเสี่ยงอีกหลายกลุ่มที่ควรเข้ารับการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายต่อไป
การตรวจกระดูกมีประโยชน์อย่างไร?
ดังที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นแล้วว่า การตรวจสุขภาพกระดูก โดยตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกนั้นมีประโยชน์อย่างมากในการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่ต่อการพิการที่จะเกิดขึ้นจากภาวะกระดูกพรุน
นอกจากนี้ยังช่วยให้แพทย์ประเมินความรุนแรง วางแผนการรักษา และติดตามผลการรักษาได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ก่อนเข้ารับการตรวจกระดูกควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไป การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ
แต่หากสงสัยว่ามีการตั้งครรภ์ หรือมีประวัติการรักษาด้วยการกลืนแร่ หรือฉีดสารทึบแสงเพื่อการวินิจฉัยโรค ควรแจ้งต่อแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนการรักษา
บทความที่เกี่ยวข้อง
รีวิว ตรวจมวลกระดูก ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 | HDmall
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจกระดูก จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android