ในแบบรายงานแสดงค่าผลการตรวจเลือดไม่ว่าระบบใด สิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกรายการต่อจากตัวเลขนั้น ก็คือจะต้องแสดงให้เห็นว่าเป็น "หน่วย" อะไรเสมอ
หากหน่วยไม่เหมือนกันก็ย่อมทำให้แสดงตัวเลขไม่ตรงกัน เช่น นาย ก มีส้มอยู่เต็มกระจาดพอดีจำนวน 48 ผล ในการนี้เราอาจแสดงหน่วยนับว่านาย ก เป็นเจ้าของส้มด้วย "จำนวน"และ "หน่วย" ที่ต่างกัน ดังนี้
นาย ก เป็นเจ้าของส้ม 48 ผล หรือ
นาย ก เป็นเจ้าของส้ม 4 โหล หรือ
นาย ก เป็นเจ้าของส้ม 1 กระจาด
ค่าตัวเลขที่แสดงจำนวนส้ม 48 ผลกับจำนวนส้ม4โหลนั้นแสดงความจริงที่ไม่แตกต่างกันโดยนัย แต่เหตุที่จำนวนตัวเลขไม่ตรงกันก็เพราะว่า "หน่วยนับ" มันต่างกัน
ดังนั้นหน่วยของจำนวนนับตัวเลขใดใดจึงมีความสำคัญซึ่งท่านผู้อ่านไม่ควรมองข้ามไปเป็นอันขาด
วิธีการรายงานแสดงคาดผลตรวจเลือดก็เช่นเดียวกันอาจมีหน่วยนับเกี่ยวกับเลือดที่แตกต่างกันท่านผู้อ่านและผู้นำค่าไปใช้ จึงควรจะได้มีความสังเกตุดูรู้วิธีเทียบเคียงระหว่างค่าของหน่วยที่แตกต่างกันซึ่งหนังสือนี้จะพยายามให้ความกระจ่างกับท่านผู้อ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยความรู้พื้นฐานทั่วไปมาตราหน่วยนับเกี่ยวกับเลือดมักจะมี 5 มาตราดังนี้
1. มาตราในด้านจำนวน
2. มาตราในด้านน้ำหนัก
3. มาตราในด้านปริมาตร
4. มาตราในด้านความยาว
5. มาตราอื่นๆ
มาตราในด้านจำนวน
มาตราในด้านจำนวนเกี่ยวกับเลือดมาใช้กับหน่วยนับจำนวนเซลล์ของเม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดโดยมีข้อควรสังเกตว่าจะต้องแสดงจำนวนต่อปริมาตรใดปริมาตรหนึ่งเสมอคล้ายกับการนับจำนวนส้ม 48 ผลต่อ1 กระจาด
กรณีของหน่วยนับเม็ดเลือดในใบรายงานแสดงผลบางคลินิกหรือบางแบบอาจแสดงได้หลายวิธีเช่น
วิธีที่ 1 WBC count : 7,200 cells/cu.mm.
ย่อมหมายถึงว่าจำนวน white blood cell หรือจำนวนนับของเซลล์เม็ดเลือดขาวคือ 7,200 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตรนับว่าเป็นการแสดงตัวเลขอย่างตรงไปตรงมา
วิธีที่ 2 WBC count : 7.2 103/cu.mm.
ย่อมหมายถึงว่า จำนวนนับเซลล์เม็ดเลือดขาว คือ
7.2 x 103 = 7.2 x 10 x 10 x10
หรือ = 7,200 เซลล์/cu.mm.
นั่นคือ 7,200 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
วิธีที่ 3 WBC count : 7.2 103/µL
ย่อมหมายถึงว่า จำนวนนับเซลล์เม็ดเลือดขาว คือ
= 7.2 x 10 x 10 x10
= 7,200 เซลล์/ µL
“µL” นั้นคือ microlitre ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ 1 ในล้านของลิตร หรือเท่ากับ 0.001 millilitre (ml) หรือเท่ากับ ลูกบาศก์มิลลิเมตร (cu.mm.) นั่นเอง ในการนี้ใคร่จะขอแสดงวิธีการคำนวณให้เห็นอย่างง่ายๆ ดังนี้
1 µL =
ลิตร หน่วยลิตร
=
x 1,000 หน่วย cu.cm.
=
x 1,000 x 1,000 cu.mm.
= 1 cu.mm.
นั่นคือ 7,200 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร เช่นเดียวกัน
วิธีที่ 4 WBC count : 7.2 x 109/L
ย่อมหมายถึงว่า จำนวนนับเซลล์เม็ดเลือดขาว
= 7.2 x 109 เซลล์ต่อเลือด 1 ลิตร
= 7.2 x 1,000,000,000 เซลล์ต่อเลือด 1,000 cu.cm.
= 7.2 x
เซลล์ต่อเลือด 1 cu.mm.
= 7.2 x 1,000 เซลล์ต่อเลือด 1 cu.mm.
นั่นคือ 7,200 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร นั่นเอง
ในการนี้ จะเห็นได้ว่าจำนวนหน่วยนับเซลล์เม็ดเลือดขาว 7,200 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร นั้นอาจแสดงในใบแจ้งผลเลือดได้ถึง 4 วิธี ทั้งๆที่เป็นค่าเดียวกันโดยนัย กล่าวคือ
7,200 cells/cu.mm.
หรือ = 7.2 103/cu.mm.
หรือ = 7.2 103/ µL
หรือ = 7.2 109/ L
ผมรวบรวมมาแสดงพอให้เห็นเป็นตัวอย่างตัวอย่างเพียง 4 รูปแบบ ซึ่งในความเป็นจริงสถานพยาบาลหรือห้องแล็บบางแห่งอาจแสดงผลเลือดด้วย “หน่วยนับจำนวน” ที่พิสดารผิดแผกแตกต่างไปจากนี้ก็ได้
โดยเหตุนี้ ท่านผู้อ่านจึงควรทำความเข้าใจในตารางที่ 1 ของหน้านี้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับคำอุปสรรค (prefix) ที่อาจใช้เติมลงข้างหน้าของมาตราหน่วยมาตรฐาน คือ 1) meter (เมตร) 2) gram (กรัม) และ 3) litre (ลิตร) เช่นคำที่เพิ่งผ่านตาท่านผู้อ่านในตัวอย่างของวิธีที่ 1-4 เช่น
milli ใน millimeter (mm)
micro (µ) ใน microlitre (µL)
ตารางแสดงหน่วยนับในระบบเมตริก
จำนวนเลขสามัญทั่วไป |
หรือเลขยกกำลัง |
คำอุปสรรค |
สัญลักษณ์ |
ศัพท์ที่ใช้เรียกกันทั่วไป |
1,000,000,000,000,000 |
1015 |
peta |
P |
Quadrillion |
1,000,000,000,000 |
1012 |
tera |
T |
Trillion |
1,000,000,000 |
109 |
giga |
G |
Billion |
1,000,000 |
106 |
mega |
M |
Million |
1,000 |
103 |
kilo |
K |
Thousand |
100 |
102 |
hecto |
H |
Hundred |
10 |
101 |
deca |
da |
Ten |
1 |
10 |
- |
- |
One |
0.1 |
10-1 |
deci |
d |
Tenth |
0.01 |
10-2 |
centi |
c |
Hundredth |
0.001 |
10-3 |
milli |
m |
Thousandth |
0.00.001 |
10-6 |
micro |
µ |
Millionth |
0.000.000.001 |
10-9 |
nano |
n |
Billionth |
0.000.000.000.001 |
10-12 |
pico |
p |
Trillion |
0.000.000.000.000.001 |
10-15 |
femto |
f |
Quadrillion |
แสดงคำอุปสรรค (prefix) เพื่อใช้ประกอบเป็ฯคำนำหน้าหน่วยนับในมาตราหน่วยมาตรฐานในระบบเมตริก ที่อาจพบในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเลือด เช่น ng หมายถึง น้ำหนัก 1 ในพันล้านกรัม (n = nano, g = gram)
เมื่อใช้ตารางที่ 1 เพื่อค้นหาคำอุปสรรคแล้วก็จะพบว่า
1 millimeter = 10-3 เมตร
=
เมตร
=
เมตร
นั่นคือ 1 mm. = 0.001 เมตร
หรือ 1 microllitre = 10-6 ลิตร
=
ลิตร
=
ลิตร
นั่นคือ 1 µL = 0.000.001 ลิตร
ดังนั้นเมื่อท่านผู้อ่านมีความเข้าใจและใช้ตารางที่ 1 ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วในการนี้มีคลินิกใดแสดงหน่วยนับพิสดารอย่างใด ท่านก็ย่อมสามารถแปลงค่ามาเป็นหน่วยนับมาตรฐานที่ท่านคุ้นเคยได้อย่างเสมอ
มาตราในด้านน้ำหนัก
ในการแสดงผลใดๆ เกี่ยวกับเลือด “มาตราในด้านน้ำหนัก” มักเป็นหน่วยหลักที่จะต้องแสดงอยู่เกือบทุกค่า รูปแบบมาตรฐานของ “หน่วยน้ำหนัก” ที่คลินิกต่างๆ มักนิยมใช้กันจะมี 4 รูปแบบคือ 1) g 2) mol 3) Eq และ 4) mg% ทั้งนี้จะได้ทยอยทำความเข้าใจทั้ง 4 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบที่ 1 แสดงเป็น กรัม คือ gram หรือ gm และมักจะลดรูปลงเหลือเพียง g
ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกต่อการเติมคำอุปสรรค (ในตารางที่ 1) ลงข้างหน้าเช่น ng ก็หมายถึง nanogram
รูปแบบที่ 2 แสดงเป็น โมล คือ mole หรือ mol หรือน้ำหนักโมเลกุลของธาตุใดๆ นน้ำหนักโมเลกุลของธาตุแคลเซียม (Ca) คือ 40
ดังนั้น 1 mole ของแคลเซียมจะเท่ากับ 40 กรัม
เพราะฉะนั้น Ca 1 millimole =
x 40 กรัม
นั่นคือ แคลเซียม 1 mmol = 0.04 กรัม
โดยเหตุที่น้ำหนักอะตอม (atomic weight) หรือน้ำหนักโมเลกุล (molecular weight) ของธาตุใดๆ จะมีค่าไม่เท่ากันเลย ฉะนั้นเมื่อจะแปลงค่ามาเป็ฯน้ำหนักสากล เช่น ค่าทั่วไปในแบบระบบเมตริก จึงจำเป็ฯต้องใช้ตัวเลขคงที่มาเปรียบเทียบมาคำนวณด้วยตนเองง่ายๆ เช่น
ตัวอย่าง เมื่อไปเจาะเลือดที่คลินิก B ได้ผลเลือดมีค่าคอเลสเตอรอล (cholesterol) เท่ากับ 5.439 mmol/L แต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้วเคยเจาะเลือดที่คลินิก A ปรากฏว่า ได้ค่าคอลเลสเตอรอลตามที่บันทึกไว้ครั้งก่อนนั้นว่า 220 mg/dL
จึงอยากทราบผลว่า ค่าคอเลสเตอรอลครั้งล่าสุดที่คลินิก B มันสูงขึ้นหรือต่ำลงจากคลินิก A มากน้อยเพียงใด?
วิธีคำนวณ
เปิดตาราง A ค้นหาคำว่า cholesterol จะพบว่า
cholesterol 1 mg/dL = 0.0259 mmol/L |
ในการนี้ เพื่อความสะดวกจึงควรจะได้แปลงค่าผลเลือดของคลินิกที่ได้จากการเจาะเลือดตรวจครั้งหลัง ให้เปลี่ยนเป็ฯหน่วยทั่วไปตามมาตรฐานเหมือนคลินิก A เสียก่อน ซึ่งย่อมจะเกิดความสะดวกต่อการเปรียบเทียบต่อไปจาตัวเลขในตารางที่ได้มา อาจคำนวณได้ว่า ค่าคอลเลสเตอรอลที่คลินิก จะมีค่า
=
mg/dL
= 210 mg/dL
แต่ค่าคอลเลสเตอรอลที่คลินิก A ตรวจแล้ว เคยมีค่า
= 220 mg/dL
เพราะฉะนั้น แสดงว่าลดลง = 220-210 mg/dL
= 10 mg/dL
มีข้อควรจำเพียงว่า หน่วย “mole” นี้เป็นหน่วยที่นานาชาติวางระบบขึ้นเรียกว่า Systeme Internationale (SI)
รูปแบบที่ 3 แสดงเป็น Eq ซึ่งเป็นคำย่อของ “Equivalents”
จำนวน Eq คือมาตราแสดงมวลสารของธาตุใดๆ ที่สามารถรวมตัวกับธาตุอื่นได้ ทั้งี้ขนาดหน่วยที่มักใช้แสดงผล คือ mEq
นั่นคือ milliequivalents นั่นเอง
ตัวอย่าง นาย ก มีระดับ potassium ในใบแสดงผลเลือด เท่ากับ 4 mEq/L แปลว่านาย ก มีค่าโพแทสเซียมจำนวน 4 milliequivalents ต่อปริมาณเลือด 1 ลิตร
ในการนี้หากต้องการจะเปลี่ยนเป็น “SI” หรือหน่วย “mole” ก็ดูจาก
potassium 1 mEq/L = 1 mmol/L |
เพราะฉะนั้น 4 mEq/L = 4 x 1 mmol/L
= 4 mmol/L
รูปแบบที่ 4 แสดงเป็นmg%
ทั้งนี้เนื่องจากการแสดงว่าค่าว่า มีธาตุหรือสารประกอบใดๆ ในน้ำเลือดนั้นมักต้องจำกัดขนาดของปริมาณน้ำเลือดด้วยปริมาตรมาตรฐาน คือ “dL” หรือ “deciliter” นั่นคือ 1 ใน 10 ของลิตร
เนื่องจากปริมาตร 1 ลิตร = 1,000 มิลลิเมตร
เพราะฉะนั้น 1 decilitre =
x 1,000 มิลลิเมตร
หรือ 1 dL = 100 mL
โดยเหตุผล คลินิกบางแห่งที่แสดงค่าผลเลือดของสารประกอบใดๆ เช่น น้ำตาล (กลูโคส) ต่อเลือด 100 mL จึงอาจแสดงได้ 2 แบบ กล่าวคือ
แบบมาตรฐาน ค่าน้ำตาล = 82 mg/dL
แบบ mg% ค่าน้ำตาล = 82 mg/ 100 mL
หรือจะเขียนสั้นๆ ว่า ค่าน้ำตาล = 82 mg%
ฉะนั้น ในกรณีเห็ฯค่าผลเลือดซึ่งแสดงหน่วยน้ำหนักประกอบ% ณ ที่ใด ก็ให้แปลความหมายว่า นั่นคือ “ต่อ 100 mL” หรือ “ต่อ dL” หรือ “…/dL” เสมอ เช่น
Uric acid 4.2 mg% นั่นคือ 4.2 mg/dL
Free T4 1.1 ng% นั่นคือ 1.1 ng/dL
มาตราในด้านปริมาตร
โดยผลของการทำความเข้าใจในสองมาตราแรกคือด้านจำนวนและด้านน้ำหนักก็คงจะได้มีส่วนช่วยสร้างความคุ้นเคยให้เห็นกันมาแล้วว่าหน่วยวัดปริมาตรเกี่ยวกับเลือดนั้นมักมีรูปแบบ ที่ไม่ซับซ้อนอะไรมากนักกล่าวคืออาจเป็นลิตร (L) เป็นเดซิลิตร (dL) หรือมิลลิลิตร (mL) เพียงแต่การใช้รูปแบบอักษรย่ออ่านมีให้เห็นแตกต่างกันเช่น
Litre = l หรือ L
Decilitre = dl หรือ dL
Millilitre = ml หรือ m
การแสดงปริมาตรอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจไม่ใช้หน่วยปริมาตร (เช่น ลิตร) โดยตรง ก็อาจใช้แสดงด้วย "หน่วยลูกบาศก์ของหน่วยความยาว" ก็ได้ เช่น
cumm ก็หมายถึง cu.mm.
หรือ cubic millimeter
นั่นคือ ลูกบาศก์มิลลิเมตร
หรือ ลบ.มม.
cc ก็หมายถึง cu.cm
หรือ cubic centimeter
นั่นคือ ลูกบาศก์เซนติเมตร
หรือ ลบ.ซม.
โดยประการสำคัญที่สุดซึ่งท่านผู้อ่านควรต้องจดจำอีกเรื่องหนึ่งก็คือความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยวัดปริมาตรประเภทใช้ลูกปัดความยาวกับหน่วยปริมาตรแท้จริงเกี่ยวกับเลือดซึ่งทราบกันทั่วไปอยู่แล้วนั่นคือ
สูตรความสัมพันธ์มาตรฐาน
1 ลบ.ซม. = 1 มล. (มิลลิเมตร)
หรือ 1 cc = 1 mL
= 0.001 ลิตร นั่นเอง
มาตราในในด้านความยาว
โดยธรรมดา ค่าผลเลือดหรือรายงานแสดงผลการตรวจเลือดมักไม่ค่อยมีตัวเลขที่บอกค่าเกี่ยวกับความยาว เว้นแต่จะใช้หน่วยเป็น "ลูกบาศก์ของความยาว" เช่นลูกบาศก์เซนติเมตร (ลบ.ซม. หรือ cu.cm. หรือ cc) ที่พึ่งเอ่ยถึงมาในข้อที่แล้ว
แต่ในกรณีการแสดงรูปพรรณสัณฐานของเซลล์เม็ดเลือดหรือขนาดของหลอดเลือดหรือขนาดของมิติใดใดเกี่ยวกับเลือด ก็อาจมีหน่วยความยาวในระบบเมตริกและบางมาตราที่ใคร่ขอยกตัวอย่างขนาดของชิ้นส่วนเกี่ยวกับเลือดจากตำราเช่น
ก. หลอดเลือดแดง aorta ที่แรกพ้นออกมาจากหัวใจ จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 cm
ในที่นี้ 2.5 cm ก็คือ 2.5 centimeter ที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
ข. หลอดเลือดแดงส่วนปลาย (artiroles) อาจมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 0.3 mm
ในที่นี้ 0.3 mm ก็คือ 0.3 millimeter ทำให้เรานึกภาพออกว่ารูหลอดเลือดแดงส่วนปลายนั้นมันเล็กมากจริงๆ
ค. ระหว่างผนังด้านในของหลอดเลือดแดงฝอย จะมีรูขนาด 30-40 Å ซึ่งใช้เป็นทางผ่านของน้ำและอิเล็กโทรไลต์ตัด ปัญหาที่เราอยากรู้ว่าคือ ความยาวขนาด 30-40 Å จะมีค่าเท่าใดในระบบเมตริกที่มีมาตรฐานเป็น เมตร
ในที่นี้ 30-40 Å ก็คือ 30-40 angstrom นั่นคืออังสตรอมซึ่งเป็นหน่วยวัดความยาว มีขนาดที่อาจต้องจำก็คือมีสูตรว่า
1 Å = 1 ในร้อยล้านของเซนติเมตร |
1 angstorm =
เซนติเมตร
= 0.00,000,001 cm
=
m
= 0.0,000,000,001 m
= 0.1 nm
นั่นคือ 1 Å = 0.1 nm
เพราะฉะนั้น 30-40 Å = 3 - nm นั่นเอง
ท่านผู้อ่านคงไม่ลืมว่า nm คือ nanometer ซึ่งมีค่าเท่ากับหนึ่งในพันล้านเมตร หรือเท่ากับ 0.000,000,001 เมตร
ง. เม็ดเลือดแดง มีรูปร่างกลมแบนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7.8 ไมครอน ทำให้มีปัญหาให้เราอยากรู้ว่า 1 ไมครอน มันยากี่เมตรในระบบเมตริก โดยมีสูตรว่า
1 micron = 1 ในล้านของเมตร |
=
m
= 0.000,001 m
= 1 µm (ไมโครเมตร)
นั่นคือ 7.8 ไมครอน = 7.8 ไมโครเมตร
หรือ 7.8 micron = 7.8 µm
หรือ 1 micron = 1 µm
มาตราอื่นๆ
หน่วยนับในมาตราอื่นๆ หมายถึงการนับที่ไม่เกี่ยวกับจำนวน น้ำหนักปริมาตร หรือความยาวใดๆ เกี่ยวกับเลือด
ในการ จะได้กล่าวถึงเฉพาะที่ใช้นับกับ สารเคมี เกี่ยวกับเลือดที่มักพบบ่อย เช่น
หน่วย ในรูปของ “units” โดยตรง หรือใช้คำย่อว่า U โดยอาจแสดงจำนวนว่าน้อยในระดับ milli ก็ได้ โดยเขียนว่า “mIU”
หน่วยสากล ในรูปของ international units ก็ใช้คำย่อว่า IU
สรุปของสรุปก็อาจกล่าวได้ว่า มาตรฐานในมาตรวัดเกี่ยวกับเลือดจะไม่พ้นไปจากที่ได้เอ่ยมาทั้งหมด เว้นแต่บาง Lab ที่อาจจะใช้หน่วยพิสดารแปลกไปจากนี้ ก็ขอได้โปรดซักถามท่านเจ้าหน้าที่เทคนิคของ Lab นั้นๆ ให้แน่ชัดต่อไป