ไข้หวัดนก (Avian influenza) เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2547 ถึง 2 ครั้งด้วยกัน ส่งผลให้มีสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ ห่าน นกกะทาล้มตายเป็นจำนวนมาก และบางส่วนก็จำเป็นต้องถูกกำจัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
มีรายงานว่า ครั้งนั้นประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกจำนวน 17 ราย และเสียชีวิตมากถึง 12 ราย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หลังจากนั้นมาไข้หวัดนกก็เกิดการระบาดอีกหลายครั้ง และมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ดังนั้นบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักโรคไข้หวัดนกเพื่อทราบแนวทางในปฏิบัติที่ถูกต้อง
รู้จักไข้หวัดนก
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อินฟลูเอนซ่า (influenza) ซึ่งพบมากในสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ แม้จะมีสายพันธุ์แยกย่อยหลายสายพันธุ์ เช่น H9N2, H7N7 ไวรัสไข้หวัดนกส่วนใหญ่ไม่ส่งผลกระทบต่อคน
แต่พบว่า สายพันธ์ุ H5N1 และ H7N9 เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากที่สุด สามารถทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงและนำไปสู่การเสียชีวิตทั้งในสัตว์ปีกและคนได้ เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่จากสัตว์ปีกสู่สัตว์ปีก และแพร่จากสัตว์ปีกสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมทั้งแพร่จากสัตว์ปีกสู่คนได้
การแพร่จากสัตว์ปีกสู่คนนั้นจะผ่านการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสเชื้อปริมาณมากๆ โดยตรง หรือโดยอ้อม เช่น การทำงานร่วมกับสัตว์ปีก (ในฟาร์ม) สัมผัสมูลสัตว์ป่วย หรือน้ำมูกสัตว์ป่วย แล้วเข้าสู่จมูก ตา ปาก รวมทั้งการบริโภคเนื้อไก่ เลือด และไข่ดิบ หรือที่ปรุงแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ
อาการของโรคไข้หวัดนก
องค์กรอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสไข้หวัดนก H5N1 และ H7N9 ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ใน 2-3 วัน และ 2-8 วันหลังจากมีการสัมผัสกับเชื้อ (บางกรณีอาจใช้เวลาเพียง 5 วัน)
ในผู้ป่วยบางรายไวรัสนี้อาจทำให้เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบ (ตาแดง) เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะทำให้มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- หนาวสั่น
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ไอ
- เจ็บคอ
- อาเจียน
- เจ็บหน้าอก
- เลือดกำเดาไหล หรือมีเลือดออกตามไรฟัน
- ปวดศีรษะ
- ตาแดง
- อ่อนเพลีย
- หายใจลำบาก
- หอบเหนื่อย
- ปวดท้อง
- อุจจาระร่วง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดนก
ในผู้ป่วยหลายๆ ราย ไวรัสไข้หวัดนกจะแพร่กระจายไปยังระบบทางเดินหายใจส่วนล่างจนทำให้เกิดโรคปอดบวม มีอาการที่สังเกตได้ดังต่อไปนี้
- หายใจไม่สะดวก
- เสียงแหบ
- เสียงแตกขณะหายใจเข้า
- ไอเป็นเลือด หรือมีเสมหะ
ไข้หวัดนกยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ด้วย เช่น
- ภาวะขาดออกซิเจน หรือมีออกซิเจนในเลือดต่ำ
- ภาวะการหายใจล้มเหลว
- การทำหน้าที่ของอวัยวะหลายๆ อย่างผิดปกติและล้มเหลว
- การติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราทุติยภูมิ โดยเฉพาะโรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย
หากภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้รับการแก้ไขไม่ทันการณ์ หรือผู้ป่วยมีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด อยู่แล้ว อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษาโรคไข้หวัดนก
โดยปกติจะรักษาด้วยยาต้านไวรัสไม่กี่ชนิด ได้แก่ ยา Oseltamivir ยา Peramivir และยา Zanamivir ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดความสามารถในการผลิตเชื้อซ้ำของไวรัสได้
- ยา Oseltamivir เป็นยาเม็ด (ต้องให้ในระยะแรกของโรค จึงได้ผลดี)
- ขณะที่ยา Peramivir เป็นยาที่ต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำ
- ยา Zanamivir เป็นผงแป้งที่ต้องสูดดม
อย่างไรก็ตาม ไวรัส H5N1 และ H7N9 บางสายพันธ์ุก็ต่อต้านต่อยาต้านไวรัสเหล่านี้
เมื่อค.ศ.2007 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้รับรองว่า มีวัคซีนชนิดหนึ่งที่ใช้รักษาไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ได้ วัคซีนนี้ไม่มีขายทั่วไป แต่มีการกักตุนไว้เพื่อใช้ในกรณีเกิดภาวะไข้หวัดนกฉุกเฉินแห่งชาติ*
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
(*อ้างอิงจากวารสารไวรัสวิทยาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 ที่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐแคนซัสประกาศถึงการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนก H5N1 และ H7N9 ที่ใช้สำหรับสัตว์ปีก)
การระบาดของโรคไข้หวัดนก
มนุษย์ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ครั้งแรกใน ค.ศ. 1997 ในช่วงที่มีการระบาดของโรคในสัตว์ปีกที่ประเทศจีน และเริ่มแพร่กระจายหนักขึ้นใน ค.ศ. 2003-2004 โดยทำให้เกิดการติดเชื้อมากกว่า 700 รายทั่วทั้ง 15 ประเทศ และมีอัตราการเสียชีวิตถึง 60%
ทั้งนี้พบว่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และอียิปต์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส H5N1 มากที่สุด
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสไข้หวัดนก H7N9 ติดเชื้อครั้งแรกในมนุษย์ 3 คนที่ประเทศจีนเมื่อ ค.ศ. 2013 จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อ H5N1 ที่ได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการจำนวน 571 คน
โดยผู้ติดเชื้อจำนวน 568 รายติดเชื้อในประเทศจีน อีกรายเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปมาเลเซีย และอีก 2 รายเป็นชาวแคนนาดาที่เพิ่งกลับจากประเทศจีน
การป้องกันโรคไข้หวัดนก
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกโดยเฉพาะ แต่มีรายงานว่า กลุ่มเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก เช่น เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ปีก ผู้มีอาชีพสัมผัสกับสัตว์ปีก ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีก หรือต้องดูแลผู้ป่วยไข้หวัดนก
คนในกลุ่มที่กล่าวมานี้สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลซึ่งเป็นวัคซีนผสมระหว่างสายพันธุ์ H1N1 H3N2 และ B เพื่อป้องกันโรคได้ในระดับหนึ่ง หรือหากติดเชื้อไวรัสนี้ก็จะสามารถลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดนกลงได้
นอกจากนี้การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมดังต่อไปนี้ ยังอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกได้
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักสดและผลไม้สด ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
- หากปรุงอาหารจากสัตว์ปีก รวมทั้งไข่สัตว์ปีก จำเป็นต้องปรุงให้สุกด้วยการต้ม ผัด นึ่ง ทอด ห้ามรับประทานแบบกึ่งดิบกึ่งสุก หรือดิบ เด็ดขาด
- เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ปีก ผู้มีอาชีพสัมผัสกับสัตว์ปีก ควรระมัดระวังการสัมผัสสัตว์ปีก สวมเครื่องป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากากอนามัย และรักษาความสะอาดหลังการสัมผัสสัตว์ปีกทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ตายด้วยมือเปล่า
- ติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นประจำ
- รักษาสุขอนามัยให้ดี เช่น หมั่นล้างมืออย่างถูกวิธีบ่อยๆ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
แต่หากมีอาการไข้สูง หนาวสั่น เจ็บคอ หายใจลำบาก ไอหอบเหนื่อย ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และมีประวัติเคยเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้หวัดนก มีการสัมผัสสัตว์ปีก หรือสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดนก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ดูแพ็กเกจฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
ไข้หวัดนกเกิดจากอะไร