อยากทร่บว่ากินยามินิดอชช่วง4เม็ดแป้งสามาดมีเพศสัมพันได้ไหม

หากที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่รับประทานเม็ดยาฮอร์โมน (เม็ดสีเหลือง) 7 เม็ดสุดท้ายของมินิดอซ ไม่ได้ลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป ก็จะมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องไปจนถึงช่วงที่ใช้เม็ดแป้ง (เม็ดสีเขียว) จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกตินะคะ

แต่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะอาจติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานได้ง่ายค่ะ

1. พอหมดเม็ดแป้งก้อเริ่มแผงใหม่ใช่ไหมคะ

ใช่ค่ะ การใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มเติมอีกค่ะ

2. แล้วจำเป็นไหมพอเม็ดยาที่มีฮอร์โมนหมดพอมาถึงเม็ดแป้งประจำเดือนจะมาทันที

หากไม่ตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผง โดยมักจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

และเนื่องจากมินิดอซมี "เม็ดยาฮอร์โมน" 24 เม็ด ผู้ใช้จึงมักจะมีประจำเดือนมาประมาณเม็ดที่ 27 - 28 ของแผง หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากใช้ไปจนครบ 28 เม็ดแล้ว ยังไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันถัดมานะคะ ถ้าผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด คือไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้ค่ะ

3. ยามีผลวันต่อวันไหน

หากต่อยาคุมแผงใหม่ตรงตามกำหนด ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้เลยค่ะ

4. แล้วทำไมเม็ดแป้งจึงไม่สามารถส่งผลอะไรละคะ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่เม็ดยาหลอก

ช่วงที่ใช้เม็ดแป้ง เป็นช่วงที่ควรจะมีประจำเดือน ซึ่งโดยปกติจะไม่มีไข่ตกในช่วงนี้ค่ะ โดยเฉพาะถ้าใช้ยาคุมถูกต้องตลอด ก็ถือว่าเสี่ยงน้อยมากที่จะมีไข่ตก เมื่อไข่ไม่ตกก็ไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ

กลไกหลักของยาคุมรายเดือน คือไปยับยั้งไม่ให้ไข่ตกออกมาค่ะ ดังนั้น หากรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็จะมีผลยับยั้งต่อเนื่องทุกวัน และถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแล้ว ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดทุกวัน ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนรับประทานยาในวันนั้น หรือหลังรับประทานยาในวันนั้นก็ตาม และจะมีเพศสัมพันธ์วันละกี่ครั้งก็ได้ค่ะ

แต่ถ้าลืมรับประทานยา ก็อาจไม่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ตก จึงอาจมีการตกไข่ได้ และนั่นทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์

ถ้าใช้คำว่า "มีผลวันต่อวัน" ก็จะทำให้สับสน และเข้าใจผิดว่าวันที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ก็ไม่น่าจะมีผลคุมกำเนิดได้ ดังนั้น ใช้คำว่า "มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องถ้ารับประทานถูกวิธี" น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าค่ะ

การรับประทานยาคุมกำเนิด ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.3 - 9% นะคะ

โดยถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ตัวเลขความเสี่ยงจะต่ำ ก็คือ 0.3% แต่ถ้าใช้ไม่เหมาะสม ตัวเลขความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางสูง คือ 9%

การใช้ที่สมบูรณ์แบบตามอุดมคติ คือต้องรับประทานเม็ดต่อไป ห่างจากเม็ดล่าสุดทุก ๆ 24 ชั่วโมงค่ะ นั่นหมายถึงจะต้องตรงเวลาเดิมที่ใช้เสมอ

การรับประทานเร็วหรือช้ากว่าเวลารับประทานปกติ อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในเลือดแปรปรวนค่ะ ซึ่งเสี่ยงที่จะมีไข่ตก หรือเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงเป็นเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ โดยเฉพาะการใช้มินิดอซที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำมาก

ซึ่งระดับฮอร์โมนในเลือดจะแปรปรวนมากหรือน้อย ก็ขึ้นกับ "ความคลาดเคลื่อน" ของเวลาที่รับประทานว่ามากหรือน้อยด้วยนั่นเองนะคะ และไม่อาจชี้ชัดได้ว่า คลาดเคลื่อนกี่นาที ประสิทธิภาพจึงจะไม่ลดลงจากเดิม ดังนั้น การรับประทานตรงเวลาที่สุดที่ทำได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ

อย่างไรก็ตาม สำหรับยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำมากอย่างมินิดอซ จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องถ้าลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป ดังนั้น การรับประทานคลาดเคลื่อนไม่เกิน 30 นาที ก็ถือว่า "ค่อนข้างตรงเวลา" และไม่น่าจะกระทบต่อประสิทธิภาพของยามากนักค่ะ

ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ยาคุมรายเดือนทุกยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ต่างกันค่ะ นั่นคือ ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียงแค่ 0.3% เท่านั้น

ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ชี้ว่ายาคุมรายเดือนทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะมีฮอร์โมนชนิดเดียว หรือสองชนิด, มีปริมาณฮอร์โมนต่ำ หรือฮอร์โมนสูง ถ้าใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากไม่ต่างกันค่ะ

การที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำก็จะมีผลข้างเคียงบางอย่างน้อยกว่ายาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนสูง

อย่างไรก็ตาม หากมีปริมาณฮอร์โมนต่ำ ความยืดหยุ่นในการลืมรับประทานจะน้อยกว่าค่ะ เช่น ถ้าลืมมินิดอซ 2 วัน ก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง แต่ถ้าลืมเมโลเดีย 2 วัน แต่ไม่เกิน 3 วัน ก็ยังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องอยู่ ดังนั้น หากใช้ยาคุมไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงเวลา ความเสี่ยงของการตั้งครรภ์จะต่างกันค่ะ