สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้แฟนเคยเป็นเริมที่อวัยะเพศแต่ก็หายไปได้ประมาณ3-4เดือนแล้วค่ะ และเหมือนว่าตอนนี้จะกลับมาเป็นอีก แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์หรือการใช้ปากเลยค่ะ และทุกครั้งที่มีก็จะป้องกันทุกครั้ง อยากทราบว่าถึงแม้จะไม่ได้มีเพศสัมพันหรือการใช้ปากจะทำให้เกิดเริมจากสาเหตุอื่นไหมคะ

สวัสดีค่ะ กรณีที่เคยติดเชื้อเริมมาก่อน ถึงแม้ว่าโรคจะสงบแล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้เนื่องจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex จะไปซ่อนอยู่ที่ปมประสาทค่ะ เมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอ เครียด ภูมิคุ้มกันต่ำก็จะกลับมาเป็นเริมได้ใหม่ ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ค่ะ กล่าวคือเชื้อเริมจะอยู่ในน้ำลาย น้ำเหลือง อสุจิ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เยื่อเมือก เยื่อบุช่องปาก เมื่อเป็นแล้วจะเป็นตลอดชีวิตค่ะ จะรักษาไม่หายขาดค่ะ การรักษาเป็นการทำให้โรคสงบเท่านั้นค่ะ อย่างไรก็ตามถ้าแฟนกำลังมีอาการของโรคเริมอยู่ คือ มีกลุ่มน้ำตุ่มใส มีอาการแสบร้อนที่ตุ่ม ให้งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าโรคจะหายค่ะ หรือควรป้องกันโดยใส่ถุงยางอนามัยเพื่อไม่ให้ติดโรคจากแฟนค่ะ
สำหรับการรักษาให้โรคสงบสำหรับการติดเชื้อซ้ำ ให้รับประทานยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ทุก ๆ 8 ชั่วโมง นาน 5 วัน
สำหรับผู้ที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศซ้ำอยู่บ่อยๆ (มากกว่าปีละ 6 ครั้ง) ให้ไปพบแพทย์ค่ะ แพทย์จะให้รับประทานยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 1 ปีค่ะ

สวัสดีครับ
โรคเริมนั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษคือเมื่อตุ่มน้ำจากเริมหายแล้วเชื้อจะไม่ได้ถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย แต่เชื้อจะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทและจะกลับออกมาทำให้เกิดโรคซ้ำได้เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงจากสาเหตุต่างๆ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การรับประทานยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน มีโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น HIV

ถ้าหากแฟนมีการกลับมาเป็นโรคเริมซ้ำอยู่บ่อยๆหมอก็แนะนำว่าควรให้แฟนไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินภูมิคุ้มกันในร่างกายเพิ่มเติมครับ