คือวันนั้นหนูเป็นประจำเดือนวันที่3แล้วมีอะไรกันกับแฟน วันนั้นก่อนมีอะไรกันเลือดไม่ไหลค่ะ อาจจะเพราะดื่มเหล้า แต่ใส่ถุงยางค่ะ แล้วถุงยางฉีกขาด แต่เขาเอาออกแล้วปล่อยข้างนอกค่ะ แต่น้ำเขาพุ่งมาโดนนัองสาวหนูแต่ไม่ค่อยเยอะ เลยล้างออกแล้วตอนเช้าก็ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานค่ะ แล้วเช้ามาประจำเดือนก็ไหลอยู่ค่ะ ไหล1วัน เป็นวันที่4 ปกติหนูเป็นประมาณ4-5วัน แล้วก็หยุดค่ะ ผ่านมา2วันก็มีอะไรกันอีก แต่แฟนไม่ได้ใส่ถุง แล้วเผลอหลั่งใน เช้ามาเลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานอีกค่ะ สรุปเว้นกินยาคุมแค่2วัน แล้วมากินอีก เพื่อนแนะนำให้ซื้อยาสตรีฟลอร่ามาทานด้วยค่ะหลังกินยาคุมไป ประจำเดือนถึงจะมาปกติแล้วก็จะขับเลือดออกมาค่ะ เพื่อนบอกว่าถ้ามันจะท้องจริงๆ กินยาสตรีให้เลือดมันออกมาดีกว่าจะปล่อยให้เป็นตัว อยากทราบว่ามันจริงไหมคะ แล้วจะท้องไหมคะ คือกลัวมากค่ะ พึ่งกินยาสตรีไปเมื่อคืน

สวัสดีครับ
การรับประทานยาสตรีฟลอร่านั้นไม่สามารถใช้รับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หรือใช้เพื่อหวังผลในการทำแท้งได้ครับ จึงไม่แนะนำให้รับประทานในกรณีนี้ หลังจากนี้ก็ไม่แนะนำให้รับประทานต่อครับ

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่ผ่านมานั้นคุณจะได้รับการป้องกันการตั้งครรภ์จากยาคุมฉุกเฉินอยู่แล้วครับ โดยยาคุมฉุกเฉินนั้นจะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85%

หลังจากนี้ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งครับ และก็ให้รอสังเกตประจำเดือนของรอบเดือนนี้ ถ้าหากประจำเดือนมาตามปกติก็ไม่น่ามีการตั้งครรภ์

แต่ถ้าประจำเดือนขาดหายไปนานก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

1. การมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรก เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ไม่น่าจะมีไข่ตก จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ไม่ถือว่าปลอดภัย 100% (เช่น ในกรณีที่เลือดดังกล่าวไม่ใช่ประจำเดือนจริง ๆ หรือถ้ามีฮอร์โมนแปรปรวนมากจนอาจมีไข่ตกได้เร็วกว่าที่คาดไว้) ดังนั้น การรับประทานยาคุมฉุกเฉินป้องกันสำรองไว้ก่อน ก็ถือว่าเหมาะสมดีค่ะ

2. ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งล่าสุด ซึ่งอยู่ในวันท้าย ๆ ของช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" โดยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันด้วยถุงยาง มีโอกาสเกิดความผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 24% ค่ะ อย่างไรก็ตาม เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว หากรับประทานเร็วก็อาจลดความเสี่ยงลงมาจนเหลือโอกาสตั้งครรภ์อย่างน้อย 15% ได้

ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางตั้งแต่แรก โดยใช้ได้ถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ดังนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์อีก แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ

และให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ต้องตรวจสอบการตั้งครรภ์ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน

3. ยาสตรีไม่มีผลให้แท้งบุตรได้ค่ะ ดังนั้น หากยาคุมฉุกเฉินป้องกันไม่ได้ และมีการตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้รับประทานยาสตรีไปแล้วก็จะยังมีการตั้งครรภ์อยู่เช่นเดิมค่ะ

การหลั่งนอก ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพค่ะ เนื่องจากพลาดได้สูง และ อาจพบตัวอสุจิในน้ำหล่อลื่นที่ออกมาก่อนการหลั่งได้
การนับวันปลอดภัย หน้า 7 หลัง 7 ก็เช่นกัน ใช้ได้เฉพาะในคนที่ ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ทุก 28-30 วันค่ะ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งดีค่ะ โดยตามหลักการ ให้กินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันยืดหยุ่นให้ถึง 100 ชั่วโมงแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีไม่เท่า การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาคุมปกติค่ะ (ยาคุมปกติ ถ้ากินถูกวิธี ประสิทธิภาพคุมกำเนิด มากกว่า 90 % แต่คุมฉุกเฉิน อาจจะแค่ประมาณ 80% - 85%

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แนะนำใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นค่ะ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใช้บ่อยๆ ค่ะ

ยาคุมฉุกเฉิน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงขนาดสูงค่ะ สูงกว่าระดับธรรมชาติในร่างกาย หลังได้รับไปแล้วจะทำให้รอบเดือนแปรปรวนได้ค่ะ อาจจะบอกยากว่า เมนส์จะมาเมื่อไหร่

และด้วยความที่ฮอร์โมนสูง ก็ทำให้มีอาการข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น คัดตึงเต้านม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงรอบเมนส์มาปกติ แล้วเมนส์ยังไม่มา ให้ลองตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ดูค่ะ

ในทางการแพทย์ ไม่ค่อยแนะนำให้กินยาสตรีค่ะ เพราะทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน เลือดออกกระปริบกระปรอยได้

โดยสรุปคือหลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาสตรีต่อครับ และประจำเดือนก็จะมาอีกครั้งในเวลาที่ใกล้เคียงกับรอบเดือนปกติถ้าหากแต่เดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ (การรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจส่งผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ 4-5 วัน)

แต่ถ้าในรอบเดือนนี้มีประจำเดือนขาดหายไปนานก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูตามวิธีที่หมอได้แนะนำไปครับ

ถ้าหากหลังประจำเดือนมาแล้วคาดว่าจะต้องมีเพศสัมพันธ์อีกก็แนะนำให้เริ่มรับประทานยาคุมแบบรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเพื่อให้ยาคุมสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกครับ

แต่ถ้าคิดว่าจะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกในเร็วๆนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมแบบรายเดือน เนื่องจากยาคุมแบบรายเดือนไม่มีผลป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยาครับ