มีพสพหลังหยุดฉีดคุมได้1เดือนหลั่งในจะท้องไหม

สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ

1. ฉีดยาคุมเข็มสุดท้ายในวันที่เท่าไหร่คะ
2. วันนัดฉีดยาคุมที่ไม่ได้ไปฉีดต่อคือวันที่เท่าไหร่คะ
3. วันที่มีเพศสัมพันธ์ คือวันที่เท่าไหร่คะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

ยาคุมที่ผู้ถามใช้คือยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือนนะคะ ซึ่งตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO 2016) จะแนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 12 สัปดาห์

หรือในกรณีที่ไม่ได้ไปฉีดตามนัด ก็ยังสามารถฉีดได้หากไม่เกิน 16 สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดเข็มล่าสุด โดยถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

หากฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากเพียงแค่ 0.2% ค่ะ แต่ถ้าฉีดยาไม่ตรงตามนัด แต่ไม่เกินวันที่ยืดหยุ่นให้ฉีดได้ ความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ก็อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.2 - 6% นะคะ

นับจากวันที่ 27 กันยายน มาจนถึงปัจจุบัน หากผู้ถามยังไม่มีประจำเดือนเลย การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่ยืดหยุ่นให้ฉีดยาช้ากว่าวันนัดได้ ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาฉีดอยู่ค่ะ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่าปกติ คือมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.2 - 6% เท่านั้น

แต่การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30 ตุลาคม ไม่อยู่ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาฉีดคุมกำเนิดที่เคยใช้แล้วนะคะ จึงเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้หากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ

ดังนั้น แนะนำให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินนะคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยจะใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ และสามารถรับประทานแบบหมดแผงในครั้งเดียวได้เลย ไม่ว่ายี่ห้อที่ใช้จะเป็นแบบที่มีแผงละ 2 เม็ด หรือแผงละ 1 เม็ดก็ตามนะคะ

อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติ ผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ค่ะ

หลังจากนี้ หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% เท่านั้นค่ะ

และถ้ารอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ซึ่งบอกได้ยากว่าเป็นผลข้างเคียงตกค้างจากยาคุมที่เคยใช้ หรือเป็นเพราะมีการตั้งครรภ์ไปแล้ว แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจนค่ะ โดยสามารถตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
..
..
..
สรุปก็คือ...

1. การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 ตุลาคม มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยค่ะ

2. แต่การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30 ตุลาคม มีโอกาสตั้งครรภ์มาก เพราะถือว่าไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมที่เคยใช้แล้ว จึงควรรีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วนะคะ

3. หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร ต่อไปควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ค่ะ

4. ถ้ารอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือน ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ