หลั่งในวันที่ตกไข่แต่กินยาคุมฉุกเฉิน เม็ดแรกกินภายในที่24 ชั่วโมงแต่เม็ดที่2กินช้าไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เเล้วมีอะไรกันอีกรอบแต่ใส่ถุงงยางอนามัยจะท้องไหมค่ะ

"วันที่ตกไข่" หมายถึง วันที่คำนวณไว้ว่าน่าจะมีไข่ตกใช่มั้ยคะ? ไม่ใช่ผ่านการตรวจสอบด้วยชุดตรวจไข่ตกใช่มั้ยคะ?

หากเป็นวันที่คำนวณไว้ (ไม่ว่าจะคำนวณเอง หรือผ่านเครื่องมือคำนวณให้ก็ตาม) เป็นเพียงการคาดคะเนตามหลักการค่ะ แต่หากมีเหตุให้มีความแปรปรวนของฮอร์โมนจากความเครียด, การเจ็บป่วย, การใช้ยาฮอร์โมน หรือแม้แต่ความแปรปรวนของฮอร์โมนตามวัย ก็อาจส่งผลให้วันที่มีไข่ตกจริงคลาดเคลื่อนไปจากที่คำนวณไว้ได้

ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เช่น ถูกข่มขืน หรือป้องกันแล้วแต่เกิดความผิดพลาด เช่น ถุงยางฉีกขาด ก็ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองนะคะ เพราะไม่สามารถจะมั่นใจได้ว่าจะมีไข่ตกจริงวันไหน หรือมีไข่ตกไปแล้วหรือยัง

แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดปกติ ดังนั้น ต่อให้ใช้เร็วแค่ไหน ผู้ใช้ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ ดังนั้น จึงไม่ควรนำมาใช้บ่อย ๆ แทนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ

การที่ผู้ถามรับประทานเม็ดที่ 2 ช้าไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดฉุกเฉินได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานตรงเวลาอย่างเคร่งครัด

เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดไปข้างหน้า เมื่อมีเพศสัมพันธ์ซ้ำจึงต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และถ้าใช้ถูกต้องและถุงยางไม่รั่วซึม ก็มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% เท่านั้นเองค่ะ
..
..
..

แนะนำให้ผู้ถามรอดูต่อไปว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์นะคะ โดยตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

โอกาสตั้งครรภ์เป็นตามนี้ค่ะ
- การมีเพศสัมพันธ์ในรอบแรก คิดตามประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉิน ผู้ถามมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% (ถ้าใช้เร็ว ตัวเลขก็อาจค่อนไปทางต่ำ คือ 15%)
- การมีเพศสัมพันธ์ในรอบหลัง ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%

เมื่อมองในภาพรวม จึงถือว่าผู้ถามมีโอกาสตั้งครรภ์อย่างน้อย 15% นะคะ
..
..
แม้ว่าในอดีตจะเชื่อกันว่ายาคุมฉุกเฉินมีหลายกลไกร่วมกันในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่า กลไกหลักที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ น่าจะอยู่ที่การชะลอไข่ตก เพื่อไม่ให้มีไข่ตกออกมาเจอกับอสุจิ

ดังนั้น หากยาคุมฉุกเฉินที่ใช้ไม่สามารถไปชะลอไข่ตกได้ทัน และมีไข่ตกออกมาแล้ว ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูง

เมื่อผู้ถามมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่คาดว่าจะมีไข่ตก นั่นคือ มีความน่าจะเป็นที่ไข่จะตกในช่วงนี้มากกว่าปกติ ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ต้องรอลุ้นว่ายาคุมฉุกเฉินที่ใช้จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้หรือไม่

แต่เนื่องจากไข่อาจไม่ได้ตกจริงตามที่คาดการณ์ไว้เสมอไป ดังนั้น ต่อให้ผลการคำนวณจะไม่ได้ชี้ว่าอยู่ในช่วงที่ไข่จะตก ก็ไม่ควรประมาท เพราะอาจมีเหตุให้เกิดความแปรปรวนของฮอร์โมน และทำให้ไข่ตกจริงช้าหรือเร็วกว่าที่คำนวณไว้ก็ได้ค่ะ

นั่นก็คือ หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร ต่อไปก็ควรป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้ให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงสุดนะคะ

1. การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ยิ่งรับประทานเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะคะ เช่น ถ้าใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ประสิทธิภาพก็จะดีกว่าการใช้ในช่วงเวลา 72 - 120 ชั่วโมง

แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่สูงมาก ดังนั้น ต่อให้รับประทานเร็วแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ

2. การรับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบแยกเป็น 2 ครั้งห่างกัน 12 ชั่วโมง ถ้ารับประทานเม็ดที่สองช้า แต่ยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงจากเม็ดแรก ก็ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดฉุกเฉินได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานตรงเวลาอย่างเคร่งครัด

ดังนั้น แม้ผู้ถามจะรับประทานเม็ดที่สองช้าไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่จำเป็นต้องรับประทานซ้ำอีกแผงนะคะ