คือปจดหนูหมด19แล้วมีอะไรกับแฟนไม่ใส่ถุงมีโอกาสท้องมั้ย -ถ้ากินยาคุมแบบ21,28กินสม่ำเสมอเวลาตรงกันทุกครั้งถ้ามีพสพแบบไม่ใส่ถุงท้องมั้ยค่ะ

1. ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ ไม่มั่นใจว่าวันที่มีเพศสัมพันธ์อยู่ในช่วง "วันปลอดภัย" หรือ "หน้า 7 - หลัง 7" หรือไม่ เพราะต้องดูจากวันที่ประจำเดือนมาวันแรก ไม่ใช่วันที่ประจำเดือนหมด แต่ต่อให้อยู่ในช่วงวันปลอดภัย ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 5 - 24%

2. แต่ถ้าใช้ยาคุมรายเดือนอย่างถูกต้อง มีผลคุมกำเนิดเกิดขึ้นแล้ว สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.3 - 9% ซึ่งหากใช้ตรงเวลาสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาลืมรับประทาน / อาเจียน / ถ่ายเหลว / ใช้ยาอื่นที่ลดประสิทธิภาพของยาคุมร่วมด้วย ตัวเลขความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ แต่ถ้าใช้ยาคุมไม่ถูกต้อง ยังไม่มีผลในการคุมกำเนิด แล้วไปมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เหมือนกับผู้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดใด ๆ นะคะ

1. ถ้าใช้ยาคุมแผงแรกโดยรับประทานภายในวันที่ 1 - 5 ของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ

2. แต่ถ้าใช้ไม่ทันภายใน 5 วันแรกที่มีประจำเดือน หากใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม จะต้องรับประทานติดต่อกันจนครบ 7 วันก่อน จึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ ดังนั้น ใน 7 วันแรกที่รับประทานจะต้องใช้ถุงยางร่วมด้วยหากจะมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

3. เมื่อใช้ยาคุมรายเดือน แนะนำให้ใช้จนหมดแผง เพื่อไม่ให้ฮอร์โมนแปรปรวน และเมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว หากไม่ต้องการจะคุมกำเนิดต่ออีกหลังจากนั้น ก็ไม่ต้องต่อยาคุมแผงใหม่ค่ะ

4. การเลิกใช้ก่อนหมดแผง หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยาไม่มีผลในการคุมกำเนิดแล้ว ก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ

ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในมดลูกและอุ้งเชิงกรานได้ง่ายค่ะ

1. ต้องรอให้มีประจำเดือนมาก่อนค่ะ จึงจะเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดได้

2. ใช้ให้ครบ 1 เดือน หมายถึงใช้ให้ครบแผงค่ะ เมื่อใช้หมดแผงและมีประจำเดือนมาแล้ว หากไม่ต้องการคุมกำเนิดต่อ ก็ไม่ต้องต่อยาคุมแผงต่อไป

3. ถ้าใช้แผงแรกภายใน 5 วันแรกที่มีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ แต่ถ้าใช้ไม่ทัน 5 วันแรก จะมีผลคุมกำเนิดได้หากใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันครบ 7 วันแล้ว (หรือครบ 2 วันสำหรับยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว) เมื่อมีผลคุมกำเนิดก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอให้ใช้ยาคุมครบ 1 เดือนก่อน

4. เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดส่วนใหญ่อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ค่ะ จึงแนะนำให้รับประทานก่อนนอนเพื่อลดผลข้างเคียงดังกล่าว แต่ก็ควรรับประทานให้ตรงเวลา เพื่อให้ระดับยาไม่แปรปรวน จะได้มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงแนะนำให้หาเวลาที่คิดว่าใกล้เวลานอน และสะดวกที่จะรับประทานในเวลานั้นทุก ๆ วัน มากำหนดเป็นเวลารับประทานยาค่ะ ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

5. หากมีการใช้ยาคุมถูกต้อง ต่อเนื่องตรงเวลา จะยับยั้งไม่ให้มีไข่ตก เมื่อไข่ไม่ตก ต่อให้มีอสุจิจากการหลั่งใน ก็ไม่สามารถจะผสมกับไข่ได้ จึงไม่มีการตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมจึงต้องรับประทานให้ตรงเวลา เพื่อให้ระดับยาคงที่และออกฤทธิ์ได้สม่ำเสมอ เวลาในการรับประทานยาคุมรายเดือนจะไม่ได้ขึ้นกับเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ในแต่ละวันค่ะ

6. จะมีอาการข้างเคียงอย่างไรบ้าง ขึ้นกับชนิดของยาคุมที่ใช้ค่ะ และควรใช้ยี่ห้อไหนดี ก็ขึ้นกับภาวะทางสุขภาพของผู้ถามนะคะ ในกรณีที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคบางอย่าง อาจต้องพิจารณายาคุมแตกต่างจากผู้ที่มีสุขภาพปกติ ดังนั้น แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม คุณหมอจะพิจารณาวิธีคุมกำเนิดหรือสูตรของยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมให้ค่ะ

1. ต้องรอให้มีประจำเดือนมาค่ะจึงเริ่มคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนได้
2. จะเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดแบบไหน หรือยาคุมยี่ห้อไหน แนะนำให้พบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและแนะนำยาคุมให้ตามความเหมาะสมค่ะ

ในกรณีที่เริ่มใช้ แนะนำให้พบสูตินรีแพทย์จะได้ประโยชน์มากกว่าค่ะ สามารถไปที่โรงพยาบาลหรือคลินิกสูตินรีเวชใกล้บ้านก็ได้นะคะ ซึ่งการใช้ต่อเนื่องหลังจากนั้น คุณหมอมักจะแนะนำให้ซื้อใช้ต่อจากร้านยา อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ต่อเนื่องกันในระยะยาว อย่าลืมไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจซ้ำอย่างน้อยปีละครั้งนะคะ