March 14, 2017 13:49
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
ปวดท้องบริเวณกลางสะดือมาก่อนแล้วย้ายมาปวดขวาล่างค่ะ ปวดมากบางทีขยับไม่ได้ ปวดตลอดเวลา อาจมีช่วงที่เบาลงแต่ไม่หาย มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลวหรือท้องผูกค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบ มีโอกาสพลาดได้
โรคไส้ติ่งอักเสบ Appendicitis เป็นการอักเสบของผนังภายในไส้ติ่ง เกิดจากการที่มีการอุดกั้นรูในใส้ติ่ง
โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่ต้องการการรักษาโดยการผ่าตัดที่พบได้บ่อยที่สุด
หากรักษาช้าอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้แก่ ไส้ติ่งแตก ฝีที่ไส้ติ่ง โลหิตเป็นพิษ ช่องท้องอักเสบ
ไส้ติ่งเป็นโรคที่มีปัญหาในการวินิจฉัยให้ที่ถูกต้องค่อนข้างมาก
การวินิจฉัยโรคไส้ติ่งอักเสบจะอาศัย ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการจะเป็นเพียงการสนับสนุนการวินิจฉัย หรือแยกโรคเท่านั้น
อาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ
-ระยะแรก (มักใน 1-2 วันแรก) มาด้วยอาการปวดท้อง เป็นอาการที่สำคัญที่สุด
ตอนแรกมักจะปวดรอบๆ สะดือ หรือบอก ไม่ได้แน่ชัดว่าปวดที่บริเวณใด
***ซึ่งทำให้ ยังวินิจฉัย หรือบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเป็น ไส้ติ่งอักเสบ***
แต่ระยะต่อมาอาการปวดจะชัดเจนที่ท้องน้อยด้านขวา
-อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยคือ
--คลื่นไส้ พบได้ 61-92%
--อาเจียนพบได้ 50%
--ไข้ มักจะเกิดหลังจากเริ่มอาการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง
--เบื่ออาหาร พบได้ 74-78%
--ท้องเสีย พบอาการในผู้ป่วยบางราย มักจะเกิดหลังจากไส้ติ่งแตกทะลุเนื่องจากไส้ติ่งอักเสบ ที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum อาจจะทำให้ถ่ายเหลว
--ในเด็กที่มีไส้ติ่งแตกทะลุอาจมาด้วยอาการของลำไส้อุดตันได้
การตรวจร่างกาย
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยโรค
1..การกดเจ็บเฉพาะที่ท้องน้อยข้างขวา เกือบทั้งหมดจะมจุดที่เจ็บที่สุดที่ท้องน้อยข้างขวา และอาจมีหน้าท้องเกร็งเวลากด (guarding) และเมื่อปล่อยมือ จะทำให้ปวดท้องมากขึ้น(rebound tenderness) ด้วย
2..ในผู้ป่วยไส้ติ่งแตกทะลุ หรือมีช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) มักจะพบว่าจุดที่เจ็บที่สุดจะกว้างขึ้น หรือพบทั่วบริเวณท้องน้อยส่วนล่างทั้ง 2 ข้าง
3..ในรายที่เป็นฝีจะคลำได้ก้อนไส้ติ่งอักเสบ (appendiceal mass) จาก phlegmon หรือ ก้อนฝี (abscess) มักคลำได้ก้อนที่ ท้องน้อยด้านขวา
4..การตรวจทางทวารหนัก (rectal examination) นับว่าเป็นประโยชน์มาก จะพบว่ากดเจ็บที่ด้านขวาของท้องน้อย แต่ไม่นิยมทำในเด็กเล็กเพราะแปลผลได้ลำบาก
5..สำหรับผู้หญิงอาจจะต้องตรวจภายในเพื่อวินิจฉัยแยกโรคจาก
--- ถุงน้ำที่รังไข่บิด (twisted ovarian cyst) เพราะอาจคลำได้ก้อน
---ส่วนในรายที่สงสัยว่าอาจเกิดจากช่องเชิงกรานอักเสบ pelvic inflammatory disease
---การตั้งครรภ์นอกมดลูก ectopic pregnancy
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในผู้ป่วยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อการตรวจร่างกายสามารถให้การวินิจฉัยได้อยู่แล้ว แต่จะทำเป็นพื้นฐานเพื่อการดูแลระหว่างการรักษาต่อไป ได้แก่
-การตรวจเม็ดเลือดทั่วไป (CBC-complete blood count) มักพบว่า เม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ
-การตรวจปัสสาวะ ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักในการวินิจฉัยแยกโรค แต่ช่วยแยกโรคอื่น เช่น มีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ อาจต้องนึกถึงนิ่วในท่อไต
การตรวจพิเศษ
ในรายที่ลักษณะทางคลินิกบ่งชัดเจนว่าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน การตรวจพิเศษเพิ่มเติมก็ไม่มีความจำเป็น แต่ในรายที่ลักษณะทางคลินิกไม่ชัดเจนนั้น การตรวจพิเศษอาจมีประโยชน์ในการวินิจฉัยแยกโรค เช่น
-การถ่ายภาพรังสีของช่องท้อง อาจพบเงาของ อุจจาระที่อุดตัน(fecalith) หรือ ลำไส้ที่ไม่เคลื่อน (localized ileus) ที่ตำแหน่ง ท้องน้อยด้านขวา (RLQ)
-การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonography) ของช่องท้อง หรือ สวนแป้งแบเรี่ยม (barium enema) ไม่มีความจำเป็นในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่อาจช่วยในการวินิจฉัยโรคในผู้ป่วยบางรายที่มีปัญหาในการ วินิจฉัยโรค
ดังนั้น จึงพบว่า มีโรคต่าง ๆ ที่อาจมีอาการคล้าย ไส้ติ่งอักเสบได้
มีผู้ประเมินว่า แม้ตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่สุด ก็วินิจฉัยแม่นยำสูงสุดได้ 80 เปอร์เซ็นต์
จึงยังมีโอกาสพลาดได้
ปัญหาขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
• ผู้ป่วยบางรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ แต่เมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างแพทย์และญาติ
• ผู้ป่วยบางรายแม้จะไปพบแพทย์แต่ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น จนกระทั่งไส้ติ่งแตกแล้ว จึงได้รับการรักษาวินิจฉัยที่ถูกต้อง ทำให้แพทย์ถูกต่อว่าจากญาติ
• เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบเกือบทุกรายมักจะวินิจฉัยโรคนี้ได้ หลังจากการแตกของไส้ติ่งแล้ว
• ในเด็กเล็กและผู้ป่วยสูงอายุพบว่าอาจเกิดปัญหารุนแรง ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาโรคล่าช้าเนื่องจากภูมิต้านทานต่ำ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
การปวดท้องเนื่องจากการอักเสบของไส้ติ่ง จะมาอาการเตือนที่สังเกตุได้อย่างไรแบบถูกต้องและไม่ผิดพลาดค่ะ. เพราะมีหลายเคสที่คนไขเปวดท้องไส้ติ่งแต่หมอวินิจฉัยผิดพลาด จนทำให้ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิต. ข้อเพียงวิธีสัเกตุอาการเบื้องต้นไว้ติดตัวหากเกิดเหตุขึ้นกับตัวเองกัยคนใกล้ตัวจะได้รู้และนำส่งรพ.ได้ทันและป้องกันการวินิจฉัยผืดพาดของหมอดิฉันจะได้โต้แย้งได้ว่าเคยศึกษามา
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)