ยาคุมเมโลเดียกินก่อนหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ค้ะ

ยาคุมเมโลเดีย ไม่ใช่ยาคุมฉุกเฉิน การนำมารับประทานภายหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

ยาคุมเมโลเดีย เป็นยาคุมรายเดือน หมายถึง ต้องใช้ให้เกิดผลในการคุมกำเนิดก่อน จึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยระยะเวลาที่ต้องใช้ยาเพื่อให้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ มีดังนี้ค่ะ

1. หากรับประทานเมโลเดียในวันที่ 1 - 5 ของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน

2. หากรับประทานไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (ใช้เฉพาะกรณีที่ตั้งแต่มีประจำเดือนครั้งล่าสุดมาจนถึงวันที่จะรับประทานยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์มาก่อน) จะต้องรับประทานติดต่อกันจนครบ 7 วัน จึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ ดังนั้น ในกรณีนี้ จะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ใน 7 วันแรกที่เริ่มรับประทานยาค่ะ

ส่วนการต่อแผงยา ไม่ต้องสนใจวันที่มีประจำเดือนเหมือนในแผงแรกค่ะ เมื่อใช้เมโลเดียหมดแผง ให้เว้นว่าง 7 วัน ประจำเดือนจะมาในช่วงนี้ (มักจะมาหลังใช้ยาหมด 2 - 3 วัน) เมื่อเว้นว่างครบ 7 วัน แม้ประจำเดือนจะยังไม่หมด ก็ให้ต่อแผงใหม่ตามกำหนดได้เลย เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง

ในกรณีที่รับประทานเมโลเดียมาจนมีผลคุมกำเนิดเกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีเพศสัมพันธ์ก่อนหรือหลังเวลารับประทานยาค่ะ เพราะการใช้ยาคุมรายเดือน สำคัญคือต้องรับประทานให้ตรงเวลาโดยตลอด เพื่อให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ

สรุปก็คือ หากใช้เมโลเดียเป็นประจำอยู่แล้ว จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนหรือหลังเวลารับประทานยาก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่เคยใช้มาก่อน ไม่สามารถใช้เมโลเดียเป็นยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ และหากเริ่มใช้ไม่ตรงกับช่วง 5 วันแรกที่มีประจำเดือน 7 วันแรกที่เริ่มใช้ยาจะยังไม่มีผลคุมกำเนิดได้นะคะ

ดังนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์ และใช้เมโลเดียไม่ทันเวลาที่แนะนำ ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี หากไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ดี มีโอกาสน้อยที่จะตั้งครรภ์ ประสิทธิภาพสูงสุดของถุงยางอนามัยเหนือกว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินหลายเท่าค่ะ

จากคำถามนี้ "ขอถามหน่อยคะ เริ่มกินยาแผงแรกวันจันทร์กินจนหมดแผงวันเสาร์ แล้วเว้น7วัน จะเริ่มกินแผงใหม่วันเสาร์หรือวันจันทร์ที่เริ่มกินยาคะ"

ไม่ทราบว่า...
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไรคะ
2. เริ่มรับประทานเม็ดแรกของแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
3. รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
4. รับประทานยาคุมไม่ครบ หรือรับประทานเกินขนาด เมื่อไหร่ และอย่างไรคะ

ยาคุมรายเดือน ไม่สามารถป้องกันฉุกเฉินได้ค่ะ และหากเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อน จึงจะมีผลคุมกำเนิดและเริ่มมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางได้

ดังนั้น หากผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว และยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้รับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" โดยเร็วนะคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาได้บ้าง

ส่วน "ยาคุมรายเดือน" ยังไม่แนะนำให้ใช้นะคะ เพราะไม่มีประโยชน์สำหรับป้องกันฉุกเฉิน และยิ่งจะทำให้ประจำเดือนรอบนี้เลื่อนช้าออกไปมากขึ้นค่ะ

เมโลเดียเป็น "ยาคุมรายเดือน" ไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน การใช้หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน จึงไม่มีประโยชน์ค่ะ

หากต้องการผลในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน มี 2 ทางเลือกนะคะ

1. รับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" โดยเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานค่ะ ดังนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ ก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ

2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ

การใช้ยาคุมฉุกเฉินของผู้ถาม จะมีผลป้องกันเฉพาะในวันที่ 17 ค่ะ แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ (ถ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ไปก่อนแล้ว) 15 - 25% นะคะ

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 8 ไม่มีผลคุมกำเนิดใด ๆ ค่ะ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ตามปกติ

การใช้เมโลเดียในตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากไม่สามารถคุมกำเนิดฉุกเฉินได้ และยิ่งจะทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมากขึ้น จึงยังไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ

ควรรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่นะคะ ซึ่งในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน (ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญค่ะ)

ถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว (คือมีเลือดออกมามากจนชุ่มผ้าอนามัย และมาตรงตามรอบปกติ) หากต้องการคุมกำเนิดต่อไปข้างหน้า ก็ให้เริ่มใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนนะคะ หากใช้ทันช่วงเวลานี้จึงจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
..
..
..
หากมีคำถามเพิ่มเติม แนะนำให้ตั้งกระทู้คำถามใหม่ไปเลยนะคะ เพราะการถามต่อในกระทู้เดิมของผู้อื่น นอกจากจะทำให้สับสนแล้ว ยังเป็นการรบกวนเจ้าของคำถามเดิมด้วยค่ะ

หากยาคุมเดิมที่ใช้เป็นแบบ 21 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ
แต่ถ้ายาคุมเดิมที่ใช้เป็นแบบ 28 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มอีกค่ะ

หากช่วงที่รับประทานยาคุมแบบ 21 เม็ด ไม่ได้ลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 2 - 3 วันขึ้นไป โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการรับประทาน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องครอบคลุมถึงช่วงที่เว้นว่าง 7 วันด้วยค่ะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ (อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ช่วงที่มีประจำเดือน เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานได้ง่ายนะคะ)

หากใช้ยาคุมเมโลเดียแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1) จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ

อาการเลือดออกกระปริบกระปรอยเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากยาคุมกำเนิด จะไม่เหมือน ประจำเดือนนะคะ เพราะมักเป็นเพียงแค่หยดเลือดติดซึมกางเกงชั้นใน ไม่มีปริมาณมากเหมือนเลือดประจำเดือนค่ะ มักพบเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาในกรณีที่ใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว เช่น ยาคุมฉุกเฉิน, ยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร, ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน, ยาฝังคุมกำเนิด และห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน หรืออาจพบในช่วงแรก ๆ ของการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะถ้าใช้ชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ หรือถ้ารับประทานยาคุมไม่ตรงเวลาค่ะ

ถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาในรอบล่าสุดมาจนถึงปัจจุบันไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย หากต้องการเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกโดยไม่รอให้ประจำเดือนมาก่อนก็สามารถทำได้ค่ะ

แต่จะต้องรับประทานเมโลเดียติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ ในช่วงแรกจึงต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาคุมไม่ตรงรอบประจำเดือนเช่นนี้จะส่งผลให้ประจำเดือนรอบนี้เลื่อนช้าออกไปมากขึ้นนะคะ

ดังนั้น ทางเลือกที่ดีกว่าก็คือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไปก่อนค่ะ แล้วเมื่อมีประจำเดือนมา จึงค่อยเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกนะคะ และหากเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ

ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนแผงแรก ควรเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จากที่กล่าวมาก็คือวันที่ 10 - 14 ที่ผู้ถามมีประจำเดือนครั้งนั้นนั่นเองค่ะ หากใช้ทันช่วงเวลานี้ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยนะคะ

แต่ถ้าเป็นการใช้ต่อเนื่อง เมื่อรับประทานแผงเดิมหมดแล้วก็ให้เว้นว่าง 7 วันเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา แล้วต่อยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 8 ของการเว้นว่างค่ะ หากต่อยาคุมตรงตามกำหนดก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันนะคะ

โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันปกติของยาคุมรายเดือนค่ะ สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ และหากต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ ต่อไปก็ควรจะรับประทานให้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ

หมายถึง มีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันใช่มั้ยคะ?

ถ้าใช่... หากไม่ลืมรับประทานยาคุมเมโลเดียติดต่อกันตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป โดยเฉพาะในสัปดาห์สุดท้ายของแผง ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดครอบคลุมถึงช่วงที่เว้นว่าง 7 วันนั้นด้วยค่ะ จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ

โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันปกติของยาคุมรายเดือน หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ
..
..
..
แต่ถ้าเว้นว่างครบ 7 วันแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ

ซึ่งถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ