August 31, 2019 20:34
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
......
ก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์รอบนี้ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือฉีดยาคุม\ฝังยาคุมอยู่ก่อนเเละยังไม่เกิน120ชม. นับจากการมีเพศสัมพันธ์
ครั้งนี้ให้พิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ (ถ้าช้าจาก 120 ชม.กินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ทันเเล้วครับ)
......
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก ก็อาจไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ ก็ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลย ถ้ามาตามรอบก็คือไม่ท้องครับ
......
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ไ้ป้องกันช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะมากกว่า กรณีนี้เเนะนำยาคุมฉุกเฉินครับ
............
ยาคุมฉุกเฉินซื้อได้ตามร้านขายยา ถ้ายังไม่เกิน 72 ชม (บางตำราให้120ชม) ก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพครับ.
หลังรับประทานยาจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์ครับ
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ถ้ามีการสอดใส่ โดยไม่ได้ป้องกัน ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุด (อย่างช้าที่สุด120ชั่วโมง) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่แต่ไม่มีการหลั่งนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
และในครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อมีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แม้จะไม่มีการหลั่งในขณะที่สอดใส่ ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกับการหลั่งนอกค่ะ นั่นคือ โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ 22% นะคะ
ดังนั้น หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร แนะนำให้ป้องกันฉุกเฉินค่ะ โดยมี 2 ทางเลือก ได้แก่
1. รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
สามารถรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยนะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ
หากใช้ครบขนาดและทันเวลา ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% แต่ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานนะคะ หากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้งค่ะ
2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปีค่ะ
แต่อาจไม่มีห่วงอนามัยชนิดนี้ไว้บริการในโรงพยาบาลทุกแห่ง ดังนั้น หากสนใจ ควรโทรศัพท์สอบถามโดยตรงที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษา หรือโรงพยาบาลที่สะดวกจะไปรับบริการ (เพราะต้องรีบใส่ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์) ก่อนนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
เพราะการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันถึงแม้ไม่ได้หลั่งภายใน แต่สารคัดหลั่งที่ออกจากอวัยวะเพศชายสามารถพบอสุจิได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ผมเอาเข้าออกแค่สองครั้งเองนะครับแล้วค่อยใส่ถุงยางก่อนจะเริ่มผมก็พักไปประมาณ20-30นาทีนี้ยังมีโอกาสอยู่หรอครับ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
อาจมีอสุจิตกค้างอยู่จากการหลั่งในรอบแรก และปนออกมากับน้ำหล่อลื่นขณะที่สอดใส่ในรอบล่าสุด เมื่อมีการสอดใส่โดยไม่ป้องกัน จึงถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้นั่นเองนะคะ
หากต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลง จึงควรป้องกันฉุกเฉินโดยเร็วค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หลั่งครั้งแรกผมใส่ถุงยางครับหลั่งนอกด้วยเสร็จแล้วผมก็ไปล้างแล้วก้เช็ดให้แห้งแล้วผมก้เพลอหลับไปประมาณ20-30นาที
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากมีการสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันก็ย่อมทำให้มีโอกาสที่จะมีอสุจิที่อาจปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นหลุดลอดเข้าไปและทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
"หลั่งครั้งแรกผมใส่ถุงยางครับ หลั่งนอกด้วย เสร็จแล้วผมก็ไปล้างแล้วก็เช็ดให้แห้ง แล้วผมก็หลับไปประมาณ 20 - 30 นาที"
ถ้าถุงยางไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด การมีเพศสัมพันธ์ในครั้งที่ใส่ถุงยางอย่างถูกต้องก็ไม่ได้มีความเสี่ยงค่ะ เพราะมีถุงยางป้องกันไว้อยู่
แต่เมื่อผู้ถามมีการหลั่งอสุจิออกมาแล้วในรอบแรก แม้จะมีการล้างภายนอกและเช็ดให้แห้ง แต่ก็อาจยังมีอสุจิตกค้างอยู่ภายในท่อปัสสาวะของผู้ถามเองนะคะ เมื่อผู้ถามมีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยาง น้ำหล่อลื่นจึงอาจพาอสุจิที่ตกค้างอยู่ออกมาได้นั่นเองค่ะ
หรือต่อให้ผู้ถามจะมีการปัสสาวะทิ้งไปแล้วก็ตาม (ซึ่งในกรณีนี้ไม่ได้มีการกล่าวถึง) ก็อาจมีอสุจิออกมาใหม่และปนกับน้ำหล่อลื่นได้อีกอยู่ดี
เมื่อมีการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย จึงถือว่าเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น หากเทียบกับการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและเหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
แม้โอกาสจะไม่มาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่ตั้งครรภ์ 100% ครับเนื่องจากการนำอวัยวะเพศชายสอดใส่อวัยวะเพศหญิงก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
ทั้งนี้ จะเสี่ยงมาก หรือน้อย ขึ้นกับหลายปัจจัยด้วย เช่น ประจำเดือนล่าสุดของคนไข้ การสอดใส่หลายครั้งไหม มีน้ำหล่อลื่นออกมาตอนสอดใส่ไหม เป้นต้นครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แฟนผมเป็น ปจด วันที่20 มีเพศสัมพันกันวันที่31ครับแต่ว่าที่สอดใส่เข้าไปแบบไม่ใส่ถุงแค่ขยับเข้าออกครั้งเดียวครับแล้วก้ถอดมาใส่ถุงยางทำจนเสร็จครับ
ไม่มากนี้ประมาณได้ไหมครับว่ากี่%
ถ้ามีอะไรกันกับแฟนน้ำแรกใส่ถุงยางอนามัยพอเสร็จแล้วก็ไปล้างออกแล้วนอนพักไปประมาณ20-30นาทีแล้วต่อครั้งที่2ครั้งนี้ไม่ได้ใส่ถุงยางเอาเข้าออกแค่สองครั้งแล้วก้ถอดมาใส่ถุงยางอนามัยทำจนเสร็จอยากทราบว่ามีโอกาสที่จะท้องไหม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)