คือ พึ่งคลอดลูกมาได้1เดือนแล้วค่ะ และประจำเดือนมาเร็วมาก เลยไปฉีดยาคุมกำเนิดมาได้แค่2วันและมีอะไรกะแฟนหลั่งนอกค่ะจะท้องไหมค่ะ กังวลค่ะ

หากผู้ถามฉีดยาคุมเข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลย จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยนะคะ

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาฉีดคุมกำเนิด ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% แต่ถ้าไปฉีดยาตรงตามนัดสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

1. คลอดบุตรในวันที่เท่าไหร่คะ
2. นับจากวันที่ 13 กุมภาพันธ์ มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์ในวันที่เท่าไหร่บ้างคะ และป้องกันอย่างไร

1. คลอดบุตรในวันที่เท่าไหร่คะ
2. สูตินรีแพทย์แนะนำว่าอย่างไรบ้างคะในวันที่ฉีดยาคุมกำเนิด

"5 วันขึ้นไป" ที่ผู้ถามให้ข้อมูลมานั้นหมายถึงอะไรคะ งดมีเพศสัมพันธ์หลังฉีดยา หรือว่าอะไร

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

เนื่องจากผู้ถามให้ข้อมูลมาว่า "คลอดลูกมาได้ 1 เดือนแล้ว" ดังนั้น การตอบว่า "คลอดลูกวันที่ 11 ก.ค. 62" ก็น่าจะเป็นการพิมพ์ผิด โดยแท้จริงแล้วหมายถึง "11 ม.ค. 62" นั่นเองนะคะ (ไม่ใช่ 11 ก.พ. 62 ที่ผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์)

เมื่อมีประจำเดือนมาแล้วในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ก็หมายถึงไม่มีผลคุมกำเนิดตามธรรมชาติหลังคลอดแล้วค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะไม่มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือมีการให้นมอย่างไม่เหมาะสม (นั่นคือ ให้ลูกดูดนมจากเต้า/ปั๊มนม ไม่บ่อย, ไม่นาน หรือไม่สม่ำเสมอเพียงพอ) ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงนะคะ

หากผู้ถามไม่ได้ฉีดยาคุมเข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังจากฉีดยาค่ะ

และเมื่อคุณหมอได้แนะนำให้ผู้ถามทราบแล้วว่า ยาคุมยังไม่มีผลคุมกำเนิดทันทีหลังฉีดยา แต่จะต้องรออีกหลายวัน ดังนั้น การที่ผู้ถามไม่ฟังคำแนะนำดังกล่าว ก็แสดงว่ายอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนั่นเองนะคะ

โดยการมีเพศสัมพันธ์หลั่งนอก โดยทั่วไปจะถือว่ามีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% ค่ะ เมื่อเทียบกับการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ก็จะเห็นได้ว่าการหลั่งนอกไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์เลยนะคะ

ดังนั้น แนะนำให้ผู้ถามรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงมาได้บ้างนะคะ

แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ได้สูงมากเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดปกติ ดังนั้น ต่อให้รับประทานเร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ

และเนื่องจากผลข้างเคียงของยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน อาจทำให้มีปัญหาเลือดกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนได้ ดังนั้น อาจบอกได้ยากว่าถ้าไม่มีประจำเดือนมา เป็นเพราะผลข้างเคียงจากยา หรือเป็นเพราะว่ามีการตั้งครรภ์ไปแล้วนะคะ

จึงแนะนำว่า หลังจากนี้ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนค่ะ แล้วรอตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ หากผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติเลย และอย่าลืมไปฉีดยาคุมต่อตามนัดสม่ำเสมอนะคะ
..
..
..
สรุปสั้น ๆ นะคะ
1. ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
2. งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วรอตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ