เมื่ออาทิตย์ก่อนสัมผัสที่ทวารแล้วรู้สึกมีติ่งสีขาวเล็กๆขึ้น 1 เม็ดเลยเผลอไปแกะแล้วเลือดออก พอวันนี้ดูอีกทีติ่งเนื้อนั้นมีลักษณะใหญ่ขึ้นมีสีชมพู กลัวว่าจะเป็นหูดหงอนไก่ แล้วถ้าเป็นหูดหงอนไก่ที่ทวารสามารถรักษาด้วยการทายาได้มั้ย

สวัสดีค่ะ
สำหรับโรคหูดหงอนไก่ หรือ Condyloma Acuminata เป็นหูดจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) มักขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรืออาจขึ้นที่อื่นได้ เช่น ทวารหนัก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม ระยะฟักตัวอาจนานหลายเดือนหรือหลายปีได้ อาการรอยโรคจะมีลักษณะคล้ายหงอนไก่ คือจะเป็นสีชมพูลักษณะขรุขระ อาจมีคันหรือไม่มีก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษาค่ะ
การรักษาหูดหงอนไก่มีหลายวิธีซึ่งขึ้นกับขนาด ตำแหน่ง และจำนวนของหูดค่ะ ได้แก่
-การใช้ยาทา เช่น Podofilox gel, Imiquimod cream, Sinecatechin ointment
-การจี้ไฟฟ้า
-จี้ด้วยความเย็น
-การผ่าตัด
นอกจากนี้ควรตรวจโรคติดต่อทางเพศโรคอื่นร่วมด้วย เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นต้นค่ะ กรณีมั่นใจว่าเป็นหูดหงอนไก่จริงและขนาดเล็กไม่รุนแรงสามารถรักษาด้วยการทายาดังที่กล่าวไปได้ค่ะ แต่ถ้าขนาดใหญ่ มีอาการอื่นผิดปกติ รักษาด้วยการทายาแล้วไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ค่ะ

หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง
ลักษณะ จะเป็นติ่งเนื้อ ผิวขรุขระ คล้ายหงอนไก่/ดอกกะหล่ำ อาจทำให้ปัสสาวะแสบ คัน ได้ครับ

แนะนำให้ไปพบแพทย์ และพาคู่นอนไปตรวจด้วยครับ การรักษามีทั้งการจี้ ยาทา และการผ่าตัดครับ

สวัสดีครับ
การมีติ่งเนื้อที่ทวารหนักนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- ติ่งเนื้อธรรมดา ลักษณะจะเป็นติ่งเนื้อเล็กๆยื่นออกมาจากผิวหนังนอกรูทวารหนัก มักมีสีที่ใกล้เคียงกับผิวหนังโดยรอบ
- ริดสีดวงทวาร สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดดำในทวารหนักมีการโป่งพองตัวออกจากการเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆ ลักษณะจะเป็นติ่งเนื้อสีม่วงคล้ำสามารถยื่นเข้าออกจากรูทวารหนักได้ และในบางครั้งก็อาจทำให้ถ่ายอุจจาระปนเลือดออกมาได้
- ฝีที่ทวารหนัก จะมีลักษณะเป็นก้อนบวมแดง ทำให้มีอาการเจ็บ และมีหนองอยู่ภายใน
- หูดหงอนไก่ ลักษณะจะเป็นติ่งเนื้อสีชมพูจางๆเล็กๆ รวมกันอยู่เป็นกลุ่ม มักไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน
- เนื้องอกหรือมะเร็งบางชนิด ลักษณะของจะเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่มีรูปร่างไม่แน่นอน มักมีการขยายขนาดที่รวดเร็ว ผิวมักแข็งและขรุขระ มีเลือดออกมาจากตัวก้อนได้ง่าย

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

หลังติดเชื้อ HPV ไม่จำเป็นต้องติดเชื้อ HIV เสมอไปครับ