แฟนกินยาคุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 8ก.ค.62 แล้ววันที่ 15ก.ค.62 ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่งมีเลือดออกมา(แฟนมีประจำเดือนช่วงนี้ของทุกเดือน) แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กันแบบหลั่งใน ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนหรือว่าเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา แล้วหลั่งในแฟนจะเป็นไรไหมครับ ปล.ตื่นเช้ามาเลือดยังไหลเยอะเหมือนเมื่อคืน

ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน จะเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยนะคะ

ไม่ว่าเลือดที่ออกมาจะเป็นประจำเดือนจริงหรือไม่ แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนค่ะ

และหากเลือดที่ออกมาใน 1 - 2 วันนี้เป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรองอีก 1 แผงโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไมเกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

และถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ

เลือดวันที่15กค.นี้ น่าจะเป็นเลือดที่เป็นผลจากยาครับ

ซึ่งช่วงนี้ ยาที่กินไปวันที่8ก.ค. ไม่ได้มีฤทธิ์คุมกำเนิดเเล้วนะครับ

หากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ครบสองเม็ดซึ่งเป็นช่วงที่ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลง มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
..............
ดังนั้นก็ควรเริ่มยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่ได้ครับแต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อไปแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไปครับ
...............
เเละเดือนนึงไม่ควรใช่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกินสองเเผงครับ
...............
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลรบกวนกระบวนการตกไข่ รบกวนการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดครับ

หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมักจะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่กี่วันค่ะ

ดังนั้น หากแฟนของผู้ถามมีเลือดออกมามาจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง) ก็เป็นไปได้ที่เลือดที่ออกมาตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์และต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้จะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกติเดิมนะคะ ซึ่งควรจะมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ

ถ้าเลือดที่ออกมานั้นเป็นประจำเดือนจริง ๆ ก็ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ตามที่กล่าวมามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะทำให้ตั้งครรภ์นะคะ จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรอง

แต่ถ้าเลือดที่ออกมาไม่ได้มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยตามที่กล่าวไปข้างต้น ก็ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรองอีก 1 แผงโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ