คุณหมอคะอยากปรึกษาค่ะ มีอะไรกับแฟนตอนเป็นประจำเดือน ไม่ใส่ถุงยาง แต่ไม่ได้เอาเข้าไปลึก แตกนอก จะท้องไหมคะ

สวัสดีครับ
ตามหลักการแล้วถ้าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนจะมีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์ได้น้อยครับเนื่องจากมักไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตามการมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกก็ไม่ใช่วิธีการที่ปลอดภัยครับ เนื่องจากอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปได้ และโดยปกติแล้วอสุจิที่เข้าไปอยู่ภายในช่องคลอดจะสามารถมีชีวิตอยู่รอผสมกับไข่ได้ไปอีก 2-3 วัน และถ้าหากในรอบเดือนต่อไปมีการตกไข่ที่เร็วกว่าปกติเกิดขึ้นก็อาจตั้งครรภ์ได้ครับ แม้เหตุการณ์นี้ก็อาจไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อย แต่หมอก็แนะนำว่าครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการคุมกำเนิดทุกครั้งครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัยหรือการใช้ยาคุมกำเนิดก็ได้

ถ้าหากตอนนี้ยังไม่เกิน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็อาจไปซื้อยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนมารับประทานได้ครับ โดยให้รับประทานต่อเนื่องกันไปทุกวันก็จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้

แต่ถ้าในขณะนี้เลย 5 วันแรกของการมีประจำเดือนไปแล้วและต้องการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มเติมก็แนะนำให้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมารับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85%

“มีโอกาสตั้งครรภ์ได้” ครับ แต่โอกาสอาจจะไม่ได้สูงมากนัก

ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้นหมอขอให้ยึดหลักตามนี้ครับ การมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาใดก็มีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าความเสี่ยงจะมากหรือน้อยก็อยู่ที่ว่ามีการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการคุมกำเนิดหรือไม่ ถ้ามีการป้องกันความเสี่ยงก็จะลดลง

ถ้าตอนนี้ยังไม่เกิน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็อาจซื้อยาคุมแบบรายเดือนมารับประทานได้ครับ เพราะโดยหลักการแล้วการรับประทานยาคุมแบบรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่ยาเม็ดแรกที่รับประทาน ทั้งนี้จะต้องมีการรับประทานยาต่อเนื่องสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ

แต่ถ้าเลย 5 วันแรกของการมีประจำเดือนแล้วก็ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินแทนครับ

ถ้าเป็นยาคุมแบบรายเดือนต้องมีการรับประทานยาต่อเนื่องกันทุกวันครับ จึงจะมีประสิทธิภาพป้องกันตั้งครรภ์ได้ โดยอย่างน้อยก็ควรรับประทานต่อเนื่องกันจนหมดแผงก่อนที่จะหยุดยา

การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกมีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์ได้ 4-27%ครับ

ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมแบบรายเดือนเลยก็จะมีความปลอดภัยสูงกว่าครับ และการรับประทานยาคุมกำเนิดนั้นก็จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในกรณีที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกในระหว่างที่รับประทานยาอยู่

แต่ถ้าไม่รับประทานยาคุมแบบรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาต่อเนื่องให้ได้ 7 วันก่อนยาคุมจึงจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ

ยาคุมแบบรายเดือนนั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเลยครับ

ยาคุมแบบรายเดือนนั้นจะมีให้เลือกรับประทานในรูปแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ดครับ

โดยถ้าเลือกรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ดเมื่อรับประทานยาจนหมดแผงแล้วจะต้องเว้นรับประทานยา 7 วันก่อนเริ่มรับประทานยาแผงต่อไปเพื่อให้ประจำเดือนมา
ส่วนถ้าเลือกรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ดนั้นเมื่อรับประทานยาหมดแผงแล้วจะสามารถรับประทานยาแผงต่อไปในวันต่อไปได้เลย เนื่องจากยา 7 เม็ดสุดท้ายของแผงยาคุมชนิด 28 เม็ดจะเป็นยาเม็ดแป้งซึ่งเทียบเท่าได้กับการเว้นรับประทานยา 7 วันของยาคุมชนิด 21 เม็ด และประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้งนี้ครับ

เมื่อรับประทานยาคุมหมดแผงแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าไม่ตั้งครรภ์?
- ถ้าหากรับประทานยาคุมแล้วมีประจำเดือนมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ มาในช่วงที่เว้นรับประทานยา 7 วันในกรณีที่รับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ด หรือ มาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้งในกรณีที่รับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ดก็เป็นการบอกว่าไม่ตั้งครรภ์ครับ
- แต่ถ้าประจำเดือนไม่มาในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ดูในตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ครับ ถ้าตรวจแล้วไม่มีการตั้งครรภ์จึงจะสามารถรับประทานยาแผงต่อไปได้

ถ้าไม่ต้องการรับประทานยาคุมต่อ เมื่อรับประทานยาคุมหมดแผงแล้วก็สามารถหยุดรับประทานยาได้ครับ แต่สิ่งที่ควรทราบคือยาคุมกำเนิดจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในช่วงที่รับประทานยาเท่านั้น
หมายความว่า ถ้าหากหยุดรับประทานยาคุมแล้วจะมีเพศสัมพันธ์อีกหลังจากนั้นก็ต้องมีการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นแทนครับ

ยาคุมกำเนิดนั้นจะเลือกรับประทานยี่ห้อใดก็ได้ครับ เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ใกล้เคียงกัน คือ ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 91-99.7% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยา ยิ่งรับประทานยาได้สม่ำเสมอมาก ไม่ลืมรับประทานยา ประสิทธิภาพของยาก็จะค่อนไปทางสูงมากขึ้นครับ

โดยเฉลี่ยแล้วราคายาคุมกำเนิดแบบรายเดือนจะอยู่ที่แผงละ 100-300 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและร้านขายยาที่ไปซื้อครับ