February 18, 2019 02:54
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การฝังยาคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ และถือว่าเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน โดยผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.05% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล
ในกรณีของหญิงปกติ เมื่อฝังยาคุมกำเนิดภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือนแล้ว (หรือบางตำราระบุ 5 วัน) ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยนะคะ มีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยค่ะ
แต่ถ้าฝังยาคุมไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว (ทำได้ในกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว) ก็จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังจากฝังยาคุมนะคะ
ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาฝังคุมกำเนิด คือ การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน ซึ่งลักษณะและระยะเวลาที่พบอาจแตกต่างกันไปในผู้ใช้แต่ละราย
หากแฟนของผู้ถามฝังยาคุมถูกต้องตามที่กล่าวไปข้างต้น การที่ไม่มีประจำเดือนมาก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาฝังคุมกำเนิดเอง มากกว่าที่จะเกิดจากการตั้งครรภ์ค่ะ แต่การที่ไม่มีประจำเดือนอันเป็นผลข้างเคียงจากยา ไม่ได้มีอันตรายต่อสุขภาพนะคะ และเมื่อถอดยาฝังคุมกำเนิดออกก็จะกลับมาเป็นปกติเอง
อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามและแฟนกังวลใจ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อยากทราบว่าการฝังยาคุมกำเนิดมีความจำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยไหมครับ พาแฟนไปฝังยาคุมกำเนิดได้เกือบ6เดือนแล้วครับ ที่ผ่านมาแฟนมีอาการแพ้ถุงยางอนามัยเลยตัดสินใจใช้วิธีการฝังยาคุมกำเนิดแทน ที่ผ่านมาประจำเดือนมาแค่ครั้งเดียวหลังจากที่ฝังยาคุมไป และก็ไม่มาอีกเลยครับ อยากทราบว่าด้วยวิธีการคุมกำเนิดที่ทำอยู่เพียงพอต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ไหมครับ ขอบคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)