สวัสดีครับ พอดีผมมีเรื่องสงสัยมาถามคุณหมอครับ พอดีแฟนผมมีอะไรกับแฟน แบบป้องกันแต่ดันถุงยางแตก ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนผมหลั่ง(หลั่งใน)แล้วครับ เอาออกมาถึงรู้ว่าถุงยางแตก แตกเป็นรูออกน่าจะออกไปส่วนนึงแต่ยังเหลืออยู่ในถุงอีกส่วนมากครับ ผมเลยรีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้แฟนกิน (ไม่เกิน1ชม.) ทุกๆเดือนแฟนผมจะมีประจำเดือนมาวันที่ 12 ของทุกๆเดือนครับ แต่ ตอนนั้นประมาณวันที่ 25 ต.ค คือวันที่ผมมีอะไรกัน จนวนมาเดือนนี้จนถึงวันนี้วันที่ 23 พ.ย ประจำเดือนแฟนผมยังไม่มาครับ ผมลองซื้อชุดตรวจครรภ์มาตรวจวันที่ 19 ตอนเย็น ผลขึ้น 1 ขีดครับ แล้ววันที่ 20 ตอนเช้าตรวจอีก1รอบ ขึ้น 1 ขีดครับ แต่แฟนผมเขามีอาการแปลกๆ ที่เขาบอกมาว่า เขารู้สึกเจ็บเต้านมมาอาทิตย์นึงแล้วครับ นับจากวันที่ประจำเดือนไม่มา แล้วมีอาการปวดช่วงท้องเป็นระยะๆ อารมเปลี่ยนง่าย แล้วอ้วนขึ้น ผมอยากทราบว่ามันเกิดจากผลข้างเคียงหรือยังไงครับ (ตอนนี้แฟนผมเครียดมากครับ ผมพยายามบอกเค้าแล้วครับว่าการที่ประจำเดือนเคลื่อนอาจเป็นจากที่เขาเครียดก็มีส่วน) รบกวนคุณหมอให้คำปรึกษาทีนะครับ 🙏🏻

สวัสดีค่ะ
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ นอกจากการตั้งครรภ์แล้ว ยังมีได้อีกหลายสาเหตุค่ะ
-ภาวะเครียด
-ภาวะอ้วน
-ภาวะถุงน้ำรังไข่
-การใช้ยาคุมกำเนิด
-ฮอร์โมนในร่างกายที่ผิดปกติ เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์

แนะนำ ถ้าประจำเดือนยังมาไม่ปกติ พบแพทย์นรีเวชเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งค่ะ

1. การใช้ถุงยางเพื่อคุมกำเนิด ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

แต่เมื่อถุงยางรั่วซึมหรือฉีกขาดก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มาก เพราะอาจไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรอง ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมแล้วนะคะ และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้เหลือเป็น 15% แทนได้

2. หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร

และจากข้อมูลที่ว่า "ทุก ๆ เดือน แฟนของผมจะมีประจำเดือนมาวันที่ 12 ของทุกเดือน" ก็บ่งชี้ว่าประจำเดือนที่ผ่านมาของแฟนผู้ถามคลาดเคลื่อนไม่มากนัก ดังนั้น ประจำเดือนรอบนี้ก็ไม่ควรจะคลาดเคลื่อนมากเช่นกันนะคะ

3. เมื่อประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ และมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจให้ชัดเจนค่ะ โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน

ดังนั้น ถ้าการตรวจในวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำได้ถูกวิธีดังที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจด้วยปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 25 ตุลาคมไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์นะคะ

4. ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ความเครียด, โรค/การเจ็บป่วย, การใช้ยาคุม/ฮอร์โมน หรือแม้แต่ความแปรปรวนของฮอร์โมนตามวัยก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าแฟนของผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอีกเรื่อย ๆ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

อาการดังกล่าวไม่ใช่อาการที่จำเพาะเจาะจงค่ะ อาจเกิดจากสาเหตุใดก็ได้

ถ้าเป็นผลจากฮอร์โมน ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ก็อาจเกิดขึ้นจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด หรือเกิดจากฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกาย ดังเช่น อาการก่อนมีประจำเดือน ได้เช่นกัน ซึ่งโดยปกติอาการจะไม่รุนแรงและหายเองได้

ดังนั้น หากอาการผิดปกติที่พบมีความรุนแรงมาก หรือเป็นอยู่นานแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ