เมื่อเราต้องเดินทางไปต่างจังหวัด การขับรถถือเป็นหนึ่งในวิธีการสัญจรที่นิยมมากที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่สะดวก และช่วยประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินได้มากทีเดียว แต่การขับรถเป็นเวลานานก็อาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกง่วงนอนได้ และนั่นก็อาจทำให้ถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุได้เลยค่ะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง สำหรับวิธีที่ช่วยให้คุณไม่ง่วงนอนขณะขับรถมีดังนี้
1. นอนให้เพียงพอก่อนขับรถ
หากคุณต้องขับรถทางไกล คุณควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง การนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณมีความกระตือรือร้นไปอีกหลายชั่วโมง ทั้งนี้มีการพิสูจน์แล้วว่า คนที่นอนน้อยตอนกลางคืนมีแนวโน้มที่จะมีสมาธิแย่ลงมากถึง 3 เท่าในวันถัดมา เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย ความสามารถในการขับรถ และการตอบสนองขณะขับรถอาจได้รับผลกระทบ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2. ทานอาหารเบาๆ
คนที่ขับรถทางไกล และทานอาหารแบบจัดเต็มตลอดทาง มีแนวโน้มที่จะง่วงนอนแม้ว่าจะขับรถในระหว่างวัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ระบบย่อยอาหารจำเป็นต้องใช้พลังงานเยอะ ส่งผลให้คุณรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นการทานอาหารไม่ให้อิ่มเกินไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. ทานอาหารเช้า
การทานอาหารมื้อแรกของวันจะทำให้คุณได้รับพลังงาน และทำให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจในระหว่างเดินทาง การทานอาหารเช้าที่อุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และแร่ธาตุ จะช่วยให้คุณตื่นตัวในช่วงครึ่งแรกของวัน
4. อากาศในรถจะต้องเย็นสบาย
การขับรถท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดหรือไม่มีแอร์ สามารถไปจำกัดการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย ทำให้คุณมีอาการเซื่องซึมได้ ในทางกลับกัน การอยู่ในรถที่มีลมเย็นสบายจะช่วยให้คุณตื่นตัว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรกำจัดปัจจัยภายนอกที่สามารถทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง ซึ่งการสัมผัสกับความร้อนที่รุนแรงสามารถเพิ่มความตึงเครียด ทำให้เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มความเสี่ยงให้คุณสูญเสียการควบคุมตัวเองในขณะขับรถ
5. จอดพักระหว่างทาง
การใช้สมาธิไปกับการขับรถทางตรงเป็นเวลานานสามารถทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย และทำให้คุณใช้พลังงานเยอะ อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันโดยจอดพักเพื่อลดความเครียด และได้มีโอกาสสูดอากาศที่สดชื่น ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า การพักเป็นประจำสามารถเพิ่มสมาธิและกิจกรรมในสมอง การหยุดพัก 10-15 นาที ทุก 2 ชั่วโมง สามารถช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และทำให้ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ดีขึ้นในกรณีที่คุณจำเป็นต้องตอบสนองต่อสถานการณ์แบบฉับพลัน
6. ขับรถโดยใช้ความเร็วปานกลาง
การขับรถด้วยความเร็วสูงถือเป็นการบังคับให้คุณต้องหลบหลีกรถคันอื่น และต้องมีความตื่นตัวตลอดเวลา ซึ่งการทำเช่นนี้สามารถทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าปกติ ดังนั้นการขับรถโดยใช้ความเร็วปานกลางจึงเป็นวิธีที่ดีกว่า และคุณยังรักษาพลังงานไว้ได้นานขึ้น
7. หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วง 2.00-5.00 น.
ร่างกายจะต้องการนอนในช่วง 2.00-5.00 น. ซึ่งมักเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อน และเป็นช่วงที่ระยะการนอนอยู่ในช่วง REM หรือช่วงที่เรานอนหลับลึก เมื่อระบบประสาทผ่อนคลาย มันก็จะยิ่งทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากเป็นไปได้ ให้คุณหลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงเวลาดังกล่าว
8. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์สามารถทำให้คุณตื่นตัวน้อยลง นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีฤทธิ์กดประสาท และยับยั้งการทำงานของร่างกาย เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่เรียกว่า GABA ซึ่งช่วยควบคุมความวิตกกังวล ผลที่ตามมาคือ มันจะทำให้คุณไม่ตื่นตัวขณะขับรถ ในขณะที่การทานยารักษาโรคซึมเศร้า ยานอนหลับ และยาแก้แพ้ ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้พอกัน
การเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าหรือง่วงนอนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนขณะขับรถ หากคุณรู้ตัวว่ามักมีอาการตามที่เรากล่าวไป การนำวิธีที่เราแนะนำไปลองทำตามก็อาจช่วยให้คุณขับรถทางไกลโดยไม่รู้สึกง่วงนอน ทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุลดลงตามไปด้วย