ข้อเท็จจริง 8 ข้อเกี่ยวกับการล้อเลียนที่ทุกคนควรรู้

ทำความความเข้าใจกับข้อเท็จจริงที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับการล้อเลียน
เผยแพร่ครั้งแรก 16 มิ.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ข้อเท็จจริง 8 ข้อเกี่ยวกับการล้อเลียนที่ทุกคนควรรู้

เมื่อพูดถึงการล้อเลียนมีหลายคนที่คิดว่าตัวเองเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่บางครั้งพวกเขาก็เห็นภาพของปัญหานี้ไม่ครบถ้วน ต่อไปนี้เป็น 8 ข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับการล้อเลียน

ข้อเท็จจริงที่ 1 การล้อเลียนนั้นมาในทุกรูปแบบและทุกขนาด

การเข้าใจว่าผู้ที่ล้อเลียนคนอื่นทุกคนนั้นเป็นคนที่โดดเดี่ยวหรือมีความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ในความจริงแล้วมีผู้ที่มีพฤติกรรมล้อเลียนคนอื่นนั้นมีอย่างน้อย 6 ประเภท และแม้ว่าผู้ที่ชอบล้อเลียนผู้อื่นบางคนอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องของความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ล้อเลียนคนอื่นเพราะคิดว่าพวกเขาสามารถทำได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เด็กหลายคนที่มีนิสัยชอบล้อเลียนเพราะว่าพวกเขาเคยเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนมาก่อน และมีหลายคนที่ล้อเลียนคนอื่นเพื่อใช้เป็นบันไดในการเข้าสู่สังคม นอกจากนี้ยังมีเด็กหลายคนที่ล้อเลียนคนอื่นเพราะถูกเพื่อนกดดัน

นั่นเป็นการแสดงว่าคน 1 กำลังมีอำนาจเหนือกว่าอีกคนหนึ่งทำให้มีเด็กหลายคนที่เป็นผู้ล้อเลียนนั้นรู้สึกต้องการอำนาจมากขึ้น หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือการล้อเลียนทำให้สถานะของพวกเขาดีขึ้น ในขณะเดียวกันเด็กคนอื่นที่เข้าร่วมการล้อเลียนนั้นอาจมีความคิดว่านี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับชนชั้นทางสังคมที่โรงเรียน

ข้อเท็จจริงที่ 2 ไม่ว่าใครก็ตามสามารถตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนได้ทั้งนั้น

แม้ว่าอาจจะมีคนบางกลุ่มที่มักตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียน แต่ก็ไม่ควรเหมารวมว่ามีคนเพียงประเภทเดียวเท่านั้นที่จะต้องถูกล้อเลียน ในความเป็นจริงแม้แต่เด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่โรงเรียนก็อาจตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนได้ ควรทำความเข้าใจว่าเด็กถูกล้อเลียนเพราะพวกเขาตกเป็นตัวเลือกในการถูกล้อเลียน

ผลที่ตามมาก็คือเกิดความเข้าใจผิดว่ามีเด็กบางคนที่ถูกล้อเลียนเนื่องจากพวกเขามีบุคลิกภาพที่ทำให้ต้องถูกล้อเลียน ความคิดนี้เป็นการกำจัดความรู้สึกผิดของการล้อเลียนคนอื่นและโยนความผิดให้กับผู้ถูกกระทำ ความรับผิดชอบของการล้อเลียนควรตกอยู่ที่ผู้กระทำ เพราะพวกเขาเป็นคนตัดสินใจทำในเรื่องนี้ และเป็นผู้ระบุเด็กที่ถูกล้อเลียนและทำให้เกิดการล้อเลียนขึ้น รวมถึงแสดงว่าผู้ที่ถูกล้อเลียนสมควรได้รับการกระทำนั้น

ข้อเท็จจริงที่ 3 การล้อเลียนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย

ถึงแม้ว่าการล้อเลียนนั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงระดับประถมศึกษาตอนปลายและพบมากสุดในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ก็พบว่าการล้อเลียนนั้นสามารถเริ่มต้นได้เร็วตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล ถึงแม้ว่าการล้อเลียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนนั้นจะเกิดขึ้นในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ก็มีการล้อเลียนบางอย่างที่ยังคงเกิดขึ้นในระดับผู้ใหญ่ และในความเป็นจริงแล้วการล้อเลียนในที่ทำงานนั้นกำลังเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน

การล้อเลียนไม่ได้สนใจเรื่องอายุ แต่จะพุ่งเป้าไปที่ใครก็ตามที่ไม่เข้ากับมาตรฐานและเน้นอยู่ที่จุดนั้นเพียงจุดเดียว พวกเขายังคงล้อเลียนคนอื่นที่รู้สึกว่าทำให้พวกเขากลัว, คนที่มีบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ และมีหลายคนที่ถูกล้อเลียนเนื่องจากรูปร่างหน้าตา, การกระทำ, การพูดหรือแม้แต่การแต่งตัวที่แตกต่างออกไป

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ข้อเท็จจริงที่ 4 การล้อเลียนนั้นมี 6 ประเภท

เมื่อพูดถึงการล้อเลียนทุกคนมักคิดถึงภาพเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่ชกต่อยหรือตบตีเด็กผู้ชายคนอื่น แต่การล้อเลียนทางกายนั้นเป็นเพียงการล้อเลียนประเภทหนึ่งเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วการล้อเลียนนั้นมี 6 ประเภท ตั้งแต่การล้อเลียนทางกาย, การล้อเลียนทางวาจา, ความก้าวร้าวในความสัมพันธ์, การล้อเลียนออนไลน์, การล้อเลียนที่เป็นอันตราย และการล้อเลียนทางเพศเป็นต้น

ข้อเท็จจริงที่ 5 เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีการล้อเลียนที่แตกต่างกัน

เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะล้อเลียนในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นเด็กผู้หญิงที่ล้อเลียนนั้นมักจะเป็นเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยไม่ดี ใช้ความก้าวร้าวทางความสัมพันธ์และการล้อเลียนในรูปแบบออนไลน์เพื่อควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ พวกเขาชอบใช้การล้อเลียนด้วยการเรียกชื่อและมักจะล้อเลียนเฉพาะเด็กผู้หญิงเท่านั้น

ในขณะที่เด็กผู้ชายจะมีความก้าวร้าวทางกายมากกว่า ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เรียกชื่อหรือไม่ทำการล้อเลียนออนไลน์ แต่เมื่อพูดถึงการล้อเลียนที่เกิดจากผู้ชายแล้วนั้น มักจะมีแนวโน้มที่พวกเขาจะชกต่อยกันมากกว่าการล้อเลียนของผู้หญิง นอกจากนั้นการล้อเลียนที่ทำโดยผู้ชายสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและและผู้หญิง เพราะพวกเขารู้สึกถึงความก้าวร้าว, การข่มขู่ และความสุขจากสถานะที่ได้รับจากการต่อสู้

ข้อเท็จจริงที่ 6 ผู้ที่ถูกล้อเลียนนั้นมักจะไม่บอกเล่าว่าตนเองถูกกระทำ

ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนส่วนมากมักจะไม่บอกใคร แม้ว่าจะเกิดความรู้สึกในแง่ลบหรือได้รับผลกระทบจากการถูกล้อเลียนตามมาก็ตาม มีหลายเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่พูดซึ่งแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล แต่สำหรับวัยรุ่นบางคนนั้น พวกเขารู้สึกอับอาย, สับสน และรู้สึกว่าตนเองสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนั้นมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าบอกไปก็ไม่ช่วยอะไร โชคร้ายที่ผู้ใหญ่บางคนและระบบโรงเรียนบางแห่งไม่ได้มีรูปแบบในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ และทำให้มีเด็กหลายคนที่รู้สึกว่าการบอกเรื่องนี้ออกไปไม่ได้ช่วยทำอะไรให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

ข้อเท็จจริงที่ 7 การล้อเลียนส่วนมากมักมีผู้เห็นเหตุการณ์

โดยส่วนมากการล้อเลียนมักจะเกิดเมื่อมีเด็กคนอื่น ๆ อยู่ร่วมในเหตุการณ์ แต่ปฏิกิริยาของผู้ที่เห็นเหตุการณ์นั้นก็มักจะเป็นเพียงแค่การยืนดูและไม่ทำอะไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าความพยายามในการป้องกันการล้อเลียนนั้นควรจะเน้นที่แนวความคิดเกี่ยวกับการให้อำนาจผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีหลาย ๆ ครั้งที่เด็กคนอื่นไม่กล้าทำอะไรเนื่องจากพวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรทำหรืออาจรู้สึกว่านั่นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ว่าเป้าหมายของการป้องกันกันล้อเลียนนั้นคือการเน้นไปที่ผู้ที่เห็นเหตุการณ์และให้ผู้เห็นเหตุการณ์มาช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล้อเลียนมากกว่าให้พวกเขายืนนิ่งและสนับสนุนให้เกิดการล้อเลียนต่อไป

ข้อเท็จจริงที่ 8 การล้อเลียนนั้นทำให้เกิดผลกระทบมากมายตามมา

การตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนนั้นอาจส่งผลกระทบตามมาต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อได้ ในความจริงแล้วผู้ที่เป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนหลายคนมักรู้สึกโดดเดี่ยว แปลกแยกจากคนอื่น และถูกทำให้อับอาย และหากการล้อเลียนนั้นไม่ได้รับการแก้ไข อาจนำไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้า, ความผิดปกติในการรับประทานอาหาร, ความเครียด หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายได้ และจากเหตุผลนี้เองที่ทำให้พ่อแม่และครูควรตระหนักว่าการล้อเลียนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้และไม่ได้ทำให้ผู้ถูกล้อเลียนเข้มแข็งขึ้น ในทางกลับกันมันอาจส่งผลกระทบระยะยาวและจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
8 Facts About Bullying Everyone Should Know. Verywell Family. (https://www.verywellfamily.com/facts-about-bullying-everyone-should-know-460492)
Bullying Facts, Statistics, Prevention & Effects. MedicineNet. (https://www.medicinenet.com/bullying/article.htm)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก
10 ความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรังแก

ทดสอบตัวคุณเองเพื่อดูว่าคุณรู้เกี่ยวกับการรังแกดีแค่ไหน

อ่านเพิ่ม
เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรขอความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของลูก?
เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรขอความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของลูก?

ระบุสัญญาณเตือนและปัจจัยเสี่ยงของปัญหาทางพฤติกรรมที่รุนแรง

อ่านเพิ่ม